ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้พูดอย่างไม่อ้อมค้อมว่า จีนจะฝึกทหารให้แข็งแกร่งเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับสงครามใด ๆ ในขณะที่เสถียรภาพของชาติเผชิญความไม่มั่นคงและไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนตีความหมายว่า อาจจะหมายถึงการเตรียมพร้อมบุกไต้หวันที่จีนยึดถือมาโดยตลอดว่าเป็นส่วนหนึ่งของจีน และขู่มานับครั้งไม่ถ้วนว่าจะผนวกไต้หวันโดยใช้กำลังถ้าจำเป็น
เมื่อเดือนที่แล้วประธานาธิบดีสีได้เรียกร้องให้เร่งพัฒนาด้านทหารให้เร็วขึ้น เน้นการพึ่งพาตนเองและความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยี ตลอดจนปกป้องผลประโยชน์ของจีนในต่างประเทศ ที่ดูเหมือนการเตรียมพร้อมรับความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้น
ปัจจุบันจีนอยู่ในสถานะมหาอำนาจที่มีขนาดเศรษฐกิจและกองทัพที่ทรงอิทธิพลเป็นอันดับที่ 2 ของโลก ได้ข่มขู่ว่าจะผนวกไต้หวันถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ผู้เชี่ยวชาญได้เตือนว่าคำพูดล่าสุดของผู้นำจีนน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง และตะวันตกควรจะยึดถือคำพูดนี้ และใช้ทุกวิถีทางที่จำเป็นในการป้องปรามไม่ให้จีนรุกรานไต้หวัน
เมื่อย้อนกลับไปเมื่อตั้งการประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์เมื่อเดือนที่แล้ว พรรคคอมมิวนิสต์เพิ่งจะเพิ่มบรรทัดฐานในรัฐธรรมนูญว่าด้วย "การคัดค้านและขัดขวาง" เอกราชของไต้หวัน และให้ใช้นโยบาย "หนึ่งประเทศ สองระบบ" อย่างเฉียบขาด เพื่อควบคุมไต้หวันในอนาคตด้วย
การที่ผู้เชี่ยวชาญมองถึงความเป็นไปได้ที่จีนจะบุกไต้หวัน เพราะอาจจะเห็นการบุกยูเครนของรัสเซีย ที่จีนไม่ได้ร่วมประณามใด ๆ ซึ่งในช่วงไม่นานก่อนที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน จะส่งทหารบุกยูเครน เขากับประธานาธิบดีสีก็ออกแถลงการณ์ร่วมกัน ยกย่องความร่วมมือและมิตรภาพที่ไร้ขอบเขตระหว่างกัน