svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เปิด 5 กลุ่มจ่อถูกฟัน "จำนำข้าวภาคสอง" เกมสกัด "เพื่อไทย" สะกิดก้าวไกลฟื้น 

08 พฤศจิกายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สัญญาณจากประธาน ป.ป.ช. เตรียมชี้มูลความผิดคดีสำคัญโดยมี "บิ๊กเนม" หลายรายเกี่ยวพัน ค่อนข้างแน่นอนหนีไม่พ้น คดีทุจริต "จำนำข้าวภาคสอง" หรือการขายข้าวแบบจีทูจี พบว่ามี 5 กลุ่มเกี่ยวข้อง แต่ที่แน่ๆ สะเทือนถึงการเลือกตั้งที่จะมาถึง ต้องจับตาอย่ากะพริบ

 

เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า คดีใหญ่ คดีสำคัญที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่จะลงมติชี้มูลความผิดอดีตผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับ "บิ๊กเนม" ช่วงปลายปีนี้  ตามคำให้สัมภาษณ์ของประธาน ป.ป.ช. พลตำรวจเอกวัชรพล ประสารราชกิจ คือ "คดีจำนำข้าวภาคสอง" 

 

พลตำรวจเอกวัชรพล ประสารราชกิจ ประธานป.ป.ช.

 

คดี "จำนำข้าวภาคสอง"  มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า คดีทุจริตการทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ภาค 2 ต่อเนื่องจากภาคแรกที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาไปแล้ว เมื่อปี 2560 

 

โดยคดี "จำนำข้าวภาค 2" มีผู้เกี่ยวข้องอยู่ในข่ายถูกกล่าวหา และอาจถูกชี้มูลความผิดมากถึง 71 ราย มีอดีตผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคนสำคัญ ได้แก่ อดีตนายกฯ "ทักษิณ ชินวัตร", "นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ส.ส. โดยทั้ง "นางสาวยิ่งลักษณ์" และ"นางเยาวภา" เป็นน้องสาวของอดีตนายกฯ ทักษิณ 

 

ทักษิณ  ชินวัตร  และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สองอดีตนายกฯ ที่หลบหนีคดีทุจริต อยู่ต่างประเทศ

 

ส่วน "นายบุญทรง เตริยาภิรมย์" จำเลยในคดีจำนำข้าวภาค 1 และถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 42 ปี ขณะนี้อยู่ระหว่างการรับโทษนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช.กันไว้เป็นพยาน 

 

สำหรับผู้ถูกกล่าวหาในคดีจำนำข้าวภาค 2 จำนวนทั้งหมด 71 ราย สำนักข่าวอิศรารายงานข้อมูลเอาไว้ว่า จำแนกออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่

 

บุญทรง เตริยาภิรมย์  อดีตรมว.พาณิชย์  ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 42 ปี  จากคดีทุจริตจำนำข้าวภาคแรก

 

กลุ่มแรก นักการเมืองและอดีตข้าราชการการเมือง มี 5 ราย ซึ่งรวมถึงอดีตนายกฯ ทักษิณ นางสาวยิ่งลักษณ์ นางเยาวภา และนายบุญทรง แต่นายบุญทรง ถูกกันไว้เป็นพยาน ส่วนอีกคนหนึ่งคือ พันตรี นายแพทย์ วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 

 

กลุ่มที่ 2 ข้าราชการประจำ 3 ราย / กลุ่มที่ 3 รัฐวิสาหกิจจีน และผู้รับมอบอำนาจจากรัฐวิสาหกิจจีน 18 ราย / กลุ่มที่ 4 เครือข่ายบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด บริษัทค้าข้าวของ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ "เสี่ยเปี๋ยง" 14 ราย / และกลุ่มที่ 5 เอกชนในประเทศที่เกี่ยวข้อง 31 ราย

 

เกมสกัดเพื่อไทย แต่ก้าวไกลได้เฮ 
 

การเตรียมชี้มูลความผิดคดีใหญ่อย่าง "จำนำข้าวภาคสอง" ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับ "สองอดีตนายกฯ คนแดนไกล"  และนางเยาวภา ที่ล้วนเป็นคนของ "ตระกูลชินวัตร"  ผู้มีอิทธิพลสูงสุดของพรรคเพื่อไทย ทำให้เรื่องนี้ถูกมองเป็นประเด็นการเมืองอย่างช่วยไม่ได้ โดยเฉพาะการดิสเครดิตพรรคเพื่อไทยจากการดำเนินนโยบายจำนำข้าวที่เปิดช่องให้เกิดการทุจริตอย่างมโหฬารอีกครั้งก่อนเลือกตั้งใหญ่ปี 2566

 

"ผศ.ดร. เชษฐา ทรัพย์เย็น"  นักรัฐศาสตร์ชื่อดัง จากมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี

 

"ผศ.ดร. เชษฐา ทรัพย์เย็น"  นักรัฐศาสตร์ชื่อดัง จากมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี กล่าวกับ "เนชั่นทีวี" ว่า คดีจำนำข้าวภาคสอง หากมีการชี้มูลความผิดผู้เกี่ยวข้องจริงตามที่เป็นข่าว ย่อมเท่ากับว่าเป็นการแก้เกมของฝั่งผู้ถืออำนาจรัฐในขณะนี้ ถือเป็นการปล่อยหมัดฮุกเพื่อตัดแต้มการแลนด์สไลด์ของเพื่อไทย 

 

เพราะการเปิดแผลจำนำข้าวเป็นการดิสเครดิตอดีตนายกฯ ทักษิณ และอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ผ่านการหยิบยกกรณีทุจริตจำนำข้าวที่เกิดขึ้นจริงในอดีต เพื่อให้สังคมได้ย้อนกลับมาพูดเรื่องนี้กันอีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่อาจไม่ทราบว่าเคยเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในอดีต ช่วงที่ตนเองยังเป็นเด็ก หรือยังไม่ได้สนใจการเมือง 

 

เหตุนี้เอง คะแนนคนรุ่นใหม่ส่วนหนึ่งอาจหลีกหนีห่างจากพรรคเพื่อไทย สวิงกลับมาที่พรรคก้าวไกล เนื่องจากฐานเสียงฝั่งตรงข้ามรัฐบาล อย่างไรเสียก็ไม่ย้ายข้ามขั้วอยู่แล้ว นั่นคือก้าวไกลรอเก็บตกฐานเสียงเพื่อไทย โดยที่ไม่ต้องขยับตัวใดๆ เลย 

 

ดังนั้นกรณีที่คณะกรรมการ "ป.ป.ช."จะหยิบยกคดี "จำนำข้าวภาคสอง" ขึ้นมาชี้มูลความผิดผู้เกี่ยวข้องนั้น ผลที่เกิดขึ้นอาจไม่เป็นไปตามที่ผู้ถืออำนาจรัฐต้องการ เพราะเป็นการ "ตอน" หรือ "บอนไซ" เพื่อไทย แต่กลับไปรดน้ำพรวนดินให้ "พรรคก้าวไกล" เติบโต

 

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์  หัวหน้าพรรคก้าวไกล

 เปิดตัวเลข 50 เมืองมหาวิทยาลัย ก้าวไกลปึ้ก

 

"อาจารย์เชษฐา" ยังเปิดข้อมูลที่สมควรจับตาเกี่ยวกับพรรคก้าวไกลว่า เมื่อพิจารณาจำนวนเขตเลือกตั้งเขตหนึ่งในแต่ละจังหวัด ซึ่งหมายถึงเขตเมือง อำเภอเมือง และในเขตเทศบาล ที่มีมหาวิทยาลัยหลักตั้งอยู่ ซึ่งพื้นที่เหล่านี้มีคนรุ่นใหม่ร่ำเรียนส่วนใหญ่ย้ายทะเบียนบ้านเข้ามา จึงมีสิทธิเลือกตั้งในเขตเหล่านี้ จะพบว่ามีจำนวนมากถึง 2 ใน 3 ของทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ หรือราวๆ 50 จังหวัด 

 

เป็นที่ทราบกันดีว่า คนรุ่นใหม่ในยุคนี้มีแนวโน้มเทใจมาให้"พรรคก้าวไกล" ด้วยเหตุนี้ เขตเลือกตั้งเขตเมืองจึงเป็นเขตที่ทุกพรรคการเมืองหวั่นไหวว่าจะมี "คะแนนผันแปร" สูง โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งหากเทให้ก้าวไกล จะทำให้มีโอกาสปักธงแห่งชัยชนะได้ทันที 

 

"อาจารย์เชษฐา" ยังบอกอีกว่า ปัจจุบันมหาวิทยาลัยหลายแห่งมีนโยบายให้เด็กโอนทะเบียนบ้านเข้ามาในพื้นที่มหาวิทยาลัย เพื่อความสะดวกในการดูแลคุณภาพชีวิตของนักศึกษา ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเด็กมีทะเบียนบ้านในมหาวิทยาลัย เด็กเหล่านี้ก็จะเทคะแนนไปทางเดียวกัน เช่น ยกให้ก้าวไกล ทำให้ก้าวไกลมีโอกาสชนะสูง ฉะนั้นเขตเมืองของจังหวัดเหล่านี้จึงเป็นเขตที่ไม่ปลอดภัยทั้งต่อพรรคขั้วรัฐบาลเดิมและพรรคเพื่อไทย

 

อย่าลืมว่า ตอนนี้ก้าวไกลผ่านสนามการเมืองมาเกือบ 4 ปีแล้วจากยุคพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งได้แปรคะแนนกระแสจากปี 2562 เป็นฐานจัดตั้งไปเรียบร้อย ตัวอย่างจากผลการเลือกตั้ง ส.ก. หรือสมาชิกสภา กทม.ล่าสุดเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ดังนั้นหากคะแนนกระแสที่เกิดจากนโยบายที่แตกต่างของพรรคก้าวไกล ผสานกับเสียงจัดตั้งของนักศึกษาและคนรุ่นใหม่ในเขตเมืองย่อมเกิดปรากฏการณ์ก้าวไกลมีโอกาสชิง ส.ส.เขตเมืองได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ และ ไม่ไกลเกินเอื้อม

 

logoline