ผู้นำอินโดนีเซียปรามตำรวจ "อย่าหยิ่งผยอง"

ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด หรือ "โจโกวี" ของอินโดนีเซีย ได้เรียกบรรดาผู้บัญชาการตำรวจจากทั่วทุกภูมิภาครวมทั้งนายตำรวจระดับสูง เข้าพบที่ทำเนียบประธานาธิบดีเพื่อให้คำขวัญว่า "จงละเว้นจากการเป็นเผด็จการ หลีกเลี่ยงการใช้วิธีการกดขี่" (Do refrain from being authoritarian. Do avoid repressive approaches) ซึ่งในฐานะที่เป็นประธานาธิบดีที่ยังครองใจสาธารณชน โจโกวีก็ตระหนักถึงความไม่พอใจที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ของสาธารณชนต่อตำรวจ 

เรื่องนี้เกี่ยวโยงไปถึงเหตุการณ์จลาจลรุนแรงที่สนามกีฬากันจูรูฮาน เขตมาลัง จังหวัดชวาตะวันออก เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม หลังจากทีมเจ้าบ้าน "อาเรมา เอฟซี" (Arema FC) พ่ายแพ้ต่อทีมเยือนคู่ปรับ "เปอร์เซบายา สุราบายา เอฟซี" (Persebaya Surabaya FC) ด้วยสกอร์ 3-2 ทำให้แฟนบอลเจ้าถิ่นไม่พอใจ ขว้างปาขวดและสิ่งของต่าง ๆ ใส่ทั้งนักฟุตบอลและเจ้าหน้าที่ในสนาม ขณะที่หลายคนวิ่งกรูลงไปจนเกิดความวุ่นวาย ตำรวจได้ยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ฝูงชน สร้างความตื่นตระหนกและแตกตื่นจนเกิดการเหยียบกัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 130 คน หลังจากนั้นมีตำรวจ 3 นาย ถูกตั้งข้อหาละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ที่นำไปสู่การเสียชีวิตของประชาชน 

โศกนาฏกรรมที่สนามฟุตบอลไม่ใช่เหตุผลเดียวที่โจโกวีตัดสินใจเรียกตำรวจมาอบรม ยังมีคดีสำคัญที่โด่งดังอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ทำให้ความเชื่อถือที่สาธารณชนมีต่อตำรวจลดลงเรื่อย ๆ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้เตือนให้เร่งปฏิรูปตำรวจโดยทันที ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจบอกว่าจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอันดับแรก 

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา โจโกวีได้บอกกับบรรดาตำรวจที่เรียกพบว่า เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ความไว้วางใจที่สาธารณชนมีให้ตำรวจอยู่ที่ 80.2% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความสำเร็จของตำรวจ ในการช่วยส่งเสริมการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แต่พอเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ตัวเลขกลับลดลงไปอยู่ที่ 54% ซึ่งเขาบอกว่าเป็นการยากที่จะฟื้นฟูความไว้วางใจให้กับสถาบันตำรวจ หลังสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยในปัจจุบัน และสาเหตุที่ทำให้ตัวเลขในเดือนสิงหาคมลดลง ก็เพราะมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการปลดนายพลสองดาว เฟอร์ดี้ ซัมโบ ที่ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมบอดี้การ์ดของตัวเองโดยไตร่ตรองล่วงหน้า เนื่องจากพบว่าเหยื่อ "เสียชีวิตภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ปกติ" ซึ่งอดีตนายพลผู้นี้อยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาคดีและอาจต้องโทษประหารชีวิต 

โจโกวีบอกอีกว่ามีประชาชนราว 29.7% ที่ร้องเรียนเรื่องมีการเก็บค่าธรรมเนียมที่ผิดกฎหมาย ตำรวจควรให้ความสนใจต่อผู้กระทำผิดพวกนี้ด้วย ซึ่งในวันที่โจโกวีกำลังอบรมตำรวจ ก็ยังมีตำรวจระดับนายพล และเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการตำรวจในชวาตะวันออก ถูกจับฐานพัวพันยาเสพติดด้วย ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าไม่มีทางที่การปฏิรูปตำรวจจะทำสำเร็จได้ง่าย ๆ เพราะปัญหามันฝังรากลึกลงไปแล้ว