"กรณ์"ร่วมกินเจภูเก็ตหวังดันพื้นที่บริหารจัดการตัวเอง

4 ตุลาคม 2565 "นายกรณ์ จาติกวณิช" กรรมการบริหารพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วย น.ส.อรทัย เกิดทรัพย์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต เขต 2 และนายเทมส์ ไกรทัศน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต เขต 3 เข้าร่วมงานเทศกาลกินผัก เจี๊ยะฉ่าย พร้อมส่งพระในคืนนี้ ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของประเพณีถือศีลกินผัก โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักตลอด 9 วันเต็ม ซึ่งมีนักท่องเที่ยวและชาว จ.ภูเก็ต เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

โดย นายกรณ์ กล่าวว่า ตนได้เดินทางมา จ.ภูเก็ต และเข้าร่วมประเพณีถือศีลกินผัก มาตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีโอกาสเยี่ยมอ๊ามต่าง ๆ และร่วมในขบวนแห่ประเพณีถือศีลกินผัก เข้าสักการะอ๊ามหรือศาลเจ้า พร้อมพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับชาวบ้าน ผู้นำชุมชน ผู้หลักผู้ใหญ่ในพื้นที่ เพื่อรับทราบปัญหาของประชาชนอย่างแท้จริง 

ขณะเดียวกัน ก็ได้ถือโอกาสแนะนำตัวผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 2 คน ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ ขยัน มีความรู้ ความสามารถ และ เป็นที่รู้จักของทุกคน ซึ่งตรงกับเจตนารมณ์ของพรรค ที่ต้องการเลือกคนที่มีความรู้มีประสบการณ์ และมีความมุ่งมั่นทุ่มเท และมีความตั้งใจ ที่จะนำประสบการณ์มาพัฒนา จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นบ้านเกิดของตนเอง ที่ผ่านมาว่าที่ผู้สมัครทั้ง 2 คน ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมาโดยตลอด 

สำหรับนโยบายในการพัฒนาจ.ภูเก็ตนั้น อย่างที่ทราบจ.ภูเก็ตมีของดีมากมาย แต่ปัญหาสำคัญ คือ จะทำอย่างไรให้ของดีจ.ภูเก็ต เป็นโอกาสของทุกคน เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ดังนั้น จึงต้องมีโอกาสในการบริหารจัดการ จ.ภูเก็ต เอง เป็นพื้นที่เฉพาะด้านสำหรับเศรษฐกิจท่องเที่ยว

"หลักคิดภูเก็ตจังหวัดจัดการตนเองแบบพิเศษ จำเป็นต้องทำ เพราะระบบราชการประจำไม่ครอบคลุม การบริหารพื้นที่เพราะภูเก็ต มีปริมาณนักท่องเที่ยวและประชากรแฝงจำนวนมาก ในหลักเศรษฐศาสตร์แล้วจะนำระบบงบรายหัวของประชากรในพื้นที่มาจัดสรรอย่างเดียวไม่ได้" นายกรณ์ กล่าว

สำหรับการปกครองท้องที่ท้องถิ่นต้องคงไว้เหมือนเดิม และต้องพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานให้กำนันผู้ใหญ่บ้าน มีเครื่องมือไว้ดูแลประชาชนครบถ้วนมากขึ้น แต่เรื่องของระดับผู้ว่าราชการจังหวัด จะต้องเป็นสิทธิของคน จ.ภูเก็ต ที่จะได้เลือกเอง รวมไปถึงเรื่องของการบริหารจัดการงบประมาณที่ควรจะกลับมาให้คนจ.ภูเก็ต ในสัดส่วนที่เหมาะสม และเป็นธรรมเพียงพอกับรายได้ที่ จ.ภูเก็ต

"แนวคิดนี้ถือเป็นยุทธศาสตร์ของทางพรรคชาติพัฒนากล้า ที่มีต่อจ.ภูเก็ต และที่ผ่านมาได้ลงไปพบปะกับชาวบ้านในหลายพื้นที่ พบว่าทุกหมู่บ้านมีความหลากหลายในเรื่องของอาชีพ จ.ภูเก็ตไม่ได้มีเฉพาะอาชีพด้านการท่องเที่ยว แต่จ.ภูเก็ต ยังมีอาชีพประมง อาชีพเกษตรกรรม เพราะฉะนั้นนอกจากจะส่งเสริมการท่องเที่ยว อาชีพเหล่านี้ต้องได้รับการดูแลและพัฒนาด้วยเช่นกัน ในส่วนของรายละเอียดนโยบายนั้นเราจะนำเสนอให้อนาคตอีกครั้ง ซึ่งเรามั่นใจว่าแนวความคิดนโยบายจะสามารถทำให้ชาวภูเก็ตทุกคนมีความหวังในอนาคตของตนเอง" นายกรณ์ กล่าว 

ขณะที่ น.ส.อรทัย กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่เราควรจะนำความรู้ ความสามารถกลับมาพัฒนาบ้านเกิด เพื่อให้บ้านเกิดของเราพัฒนาเติบโตขึ้น เพื่อให้ประชาชนชาวจ.ภูเก็ต ได้มีโอกาสยิ้มได้กว้างขึ้น ณ วันนี้ (4ต.ค.) ขอยืนยันว่าพร้อมที่จะรับใช้ประชาชน และพร้อมที่จะนำความรู้ความสามารถทั้งหมดมาใช้เพื่อพัฒนาภูเก็ตให้ก้าวต่อไป

ด้านนายเทมส์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ประกาศตนเองมาตลอดในระยะสองปีกว่าๆ ว่าจะเป็นผู้สมัคร ส.ส. ตัวแทนของประชาชนชาว จ.ภูเก็ต ซึ่งในช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา ภูเก็ตผ่านอะไรมามากมายและตอนนี้เรื่องของสถานการณ์ต่างๆก็ดีขึ้น แล้วการท่องเที่ยวเริ่มกลับมาเศรษฐกิจเริ่มดี แต่จะกลับให้ไปเป็นเหมือนช่วงที่ก่อนโควิดนั้นก็คงต้องใช้เวลาอีกซักระยะใหญ่ๆ แต่ในช่วงกินผักก็เห็นด้วยว่า จ.ภูเก็ต เองมีความคึกคักขึ้น มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มขึ้น และคาดว่าในช่วงปลายปี ต้นปีหน้านี้ ก็จะเห็นการท่องเที่ยวเริ่มขยับตัวดีขึ้นไปอีก