“พ่อหนุ่มวิศวะ” น้ำตาคลอลูกกำลังอนาคตไกล ลั่นดำเนินคดีเก๋งวัย 15 ถึงที่สุด

จากกรณีหนุ่มวัย 15 ปี ซิ่งเก๋งบีเอ็มดับเบิลยูฝ่าไฟแดงชนบัณฑิตวิศวกรรมศาสตร์เกียรตินิยม ม.เทคโนโลยีสุรนารี เสียชีวิตคาที่โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 65 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุบริเวณสี่แยกไฟแดง ถนนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ประตู 1 ก่อนถึงประตูทางเข้ามหาวิทยาลัย ตำบลสุรนารี อำเภอเมืองนครราชสีมาทำให้นายนายธนพล แก้วมูล หรือเต้ อายุ 24 ปี ชาว อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์เสียชีวิต ตามที่ได้เสนอข่าวมาแล้วนั้น (อ่านข่าว)

ล่าสุด (2 ต.ค.65) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดดอนคาที่อำเภอท่าตะโกจังหวัดนครสวรรค์ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนายธนพลพบญาติกำลังจัดเตรียมงานศพอยู่ในอาการโศกเศร้าโดยเฉพาะนายรักษ์ แก้วมูล อายุ58ปี บิดานายธนพลซึ่งอยู่ในการเสียใจมีน้ำตาคลอเบ้าตลอดเวลานั่งเฝ้าศพลูกชายอยู่ในศาลาวัดพร้อมเปิดเผยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่ารู้สึกเสียใจในการจากไปของลูกชายที่กำลังมีอนาคตที่ดีและกำลังจะเรียนต่อปริญญาโทแต่กลับมาเสียชีวิตด้วยความประมาทของเด็กวัย15ปีที่ซิ่งรถหรูฝ่าไฟแดงทำให้เกิดเหตุสลดขึ้น

ทั้งนี้ผู้เป็นพ่อเล่าด้วยว่าตอนแรกตนเองเรียกค่าทำศพไปสองแสนห้าหมื่นบาทแต่คู่กรณีนัดให้ไปที่โรงพักเมื่อไปพบร้อยเวรได้ดูกล้องวงจรปิดพร้อมกับเพื่อนของลูกชายที่มาเฝ้าติดตามคดีถึงกับอึ้งในความประมาทและจะขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุดและให้เป็นไปตามกฎหมายต่อไปส่วนงานศพของลูกชายตนเองก็ทำพิธีกรรมทางศาสนาโดยจะเผาในวันอังคารที่จะถึงนี้ที่วัดดอนคา

อย่างไรก็ตามในคดีนี้นายวีระศักดิ์ บุญเพลิง กรรมการบริหารสภาทนายความ ภาค 3 กล่าวว่า หลังจากได้ทราบข่าวจากทางสื่อมวลชนแล้วเห็นว่าผู้ตายมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์ส่วนพื้นที่เกิดเหตุนั้นอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งอาจจะได้รับความลำบากในการเดินทางไปมาเพื่อติดตามเรื่องคดีความ และพร้อมให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย

ทั้งนี้ ครอบครัวผู้ตาย สามารถเข้ามาขอความช่วยเหลือสนับสนุนในการแต่งตั้งทนายความเพื่อดูแลคดีได้ นอกจากนี้ สภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา ได้เตรียมทนายอาสาเอาไว้แล้วหากครอบครัวผู้เสียหายต้องการ

ด้านนางบุญลือ แก้วมูล แม่น้องเต้ บัณฑิตเกียรตินิยม มทส. บอกว่าได้รับศพลูกชายมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดดอนชา ต.ท่าตะโก อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 1 ตุลาคม  และมีกำหนดการฌาปนกิจในวันเสาร์ที่ 8 ต.ค.

ส่วนทางคดีตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง อ.เมืองนครราชสีมาท้องที่เกิดเกตุได้เรียกญาติของคู่กรณีมาเจรจาเพื่อให้ดูแลค่าจัดการศพก่อน แต่ก็ไม่สามารถตกลงกันได้เพราะครอบครัวก็เร่งนำศพน้องเต้มาบำเพ็ญกุศลที่บ้าน เพราะน้องร่างกายแหลกเหลวมาก ส่วนญาติคู่กรณีก็อ้างว่าติดงานไม่ว่าง จนถึงขณะนี้ตนก็ยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆ อีกเลย

สำหรับความช่วยเหลือจากสภาทนายความภาค 3 นครราชสีมา ที่พร้อมยื่นมือเข้าช่วย ทางคุณแม่บอกก็ยินดีและจะได้นัดหารือในแนวทางการสู้คดีกันอีกครั้ง