โลกต้องรู้! ใครก่อวินาศกรรมท่อ Nord Stream

การที่ท่อส่งก๊าซธรรมชาติ Nord Stream 1 และ 2 ที่ลอดใต้ทะเลบอลติกเกิดรั่วไหลถึง 4 จุด คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 17,000 ล้านดอลลาร์ (เกือบ 650,000 ล้านบาท) ได้จุดประเด็นเรื่อง "การก่อวินาศกรรม" ที่ยังหาหลักฐานไม่ได้ว่าเป็นฝีมือใคร แต่เป็นไปได้ที่ "ผู้ลงมือ" จะใช้เรือดำน้ำไร้คนบังคับ (unmanned submarine) และควบคุมระยะไกล (remotely controlled) เข้าไปวางระเบิดใกล้ท่อส่งก๊าซกับตามจุดเชื่อมต่อสำคัญตามแนวท่อ ที่ยาวหลายร้อยไมล์จากรัสเซียไปถึงเยอรมนี ความรุนแรงของระเบิดเหล่านี้เทียบเท่ากับระเบิด TNT น้ำหนักหลายร้อยปอนด์ 

เมื่อระเบิดทำงานไม่ว่าจะเป็นแบบตั้งเวลาหรือควบคุมระยะไกลจากห้องควบคุมลับ พื้นที่ที่อยู่ไกลออกไป 800 ไมล์ (1,287 กิโลเมตร) ก็ยังสามารถรู้สึกได้ถึงอาฟเตอร์ช็อก และความรุนแรงเทียบเท่าแผ่นดินไหว ในเวลาไม่กี่วินาทีหลังระเบิด Nord Stream 1 และ 2 ก็เริ่มรั่ว หลังจากนั้นไม่กี่วันก๊าซธรรมชาติหลายล้านลูกบาศก์เมตร ก็ทะลักเข้าไปในน่านน้ำเดนมาร์กกับสวีเดน ซึ่งนับเป็นภารกิจที่ลุล่วงสำหรับใครก็ตาม ที่อยู่เบื้องหลังหนึ่งในการก่อการร้ายทางอุตสาหกรรมที่เลวร้ายที่สุดของโลกครั้งนี้ 

มีคำถามที่น่าสนใจว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน จะทำลายทรัพย์สินที่สร้างรายได้มหาศาลของตัวเอง อย่างที่โลกทึกทักในตอนที่เกิดเหตุหรือไม่ ขณะเดียวกันก็เริ่มมีแนวคิดที่แตกออกมาว่าประธานาธิบดีที่ขู่ว่าจะ "หยุด" Nord Stream ไม่ได้อยู่ทำเนียบเครมลิน "แต่อยู่ทำเนียบขาวต่างหาก" และเป็นคำขู่ที่เกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อกุมภาพันธ์ปีนี้ ที่เขาบอกผู้สื่อข่าวว่าจะหยุด Nord Stream ถ้ารัสเซียส่งทหารกับรถถังเข้าไปในยูเครน...

"ถ้ารัสเซียบุก (ยูเครน)... อีกครั้ง ก็จะไม่มี Nord Stream 2 อีกต่อไป เราจะยุติมัน" (If Russia invades... then there will be longer Nord Stream 2. We will bring an end to it.)

ตอนนั้นไบเดนไม่ยอมรับข้อเสนอแนะที่ว่า การปฏิบัติการใด ๆ ก็ตาม จะซับซ้อนเกินไปหรือสร้างความเสียหายทางการทูตได้ เพราะ Nord Stream 2 ควบคุมโดยเยอรมนี แต่ไบเดนยืนยันว่า

"เราจะทำ ผมสัญญา เราสามารถทำได้" (We will, I promise you. We will be able to do it.)

มาถึงตอนนี้ก็ได้เห็นกันแล้วว่ารัสเซียบุกยูเครนจริง ดังนั้นคำถามที่น่าสนใจคือ ไบเดนได้ "ทำ" ตามสัญญาหรือไม่

ถ้าทำก็มีหลักฐานที่สนับสนุนความเป็นไปได้ก็คือ ถ้าไม่มี Nord Stream สหรัฐฯ คือผู้ที่จะรับประโยชน์มหาศาลจากการขายก๊าซธรรมชาติเหลว LNG ในฐานะผู้ส่งออก LNG รายใหญ่ที่สุด เพราะสหรัฐฯ อยู่ในกลุ่มผู้ส่งออกที่มีอุปทานจำนวนมาก และปริมาณจะเพิ่มขึ้นในปีต่อ ๆ ไป

แม้จะพยายามฟันธงว่าเป็นฝีมือของรัสเซีย แต่พื้นที่เกิดเหตุที่อยู่ในทะเลบอลติกนั้นก็เป็นน่านน้ำของประเทศที่พันธมิตรของสหรัฐฯ อย่างเดนมาร์กกับสวีเดน ถ้ามีเรือของรัสเซียแล่นเข้าไปใน "เขตเศรษฐกิจจำเพาะ" นี้ ก็ไม่มีทางที่หลุดรอดสายตาสหรัฐฯ กับพวกพ้องไปได้ แต่ต่อให้ปูตินรอดพ้นจากข้อกล่าวหาก่อวินาศกรรมท่อก๊าซของตัวเอง แต่ก๊าซที่รั่วออกมาจากท่องนั้น 90% เป็นมีเธน (methane) ที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของปัญหาโลกร้อน ดังนั้นเขาก็ยังได้ชื่อว่าใช้ "อาวุธที่ก่อมลภาวะ" อยู่ดี