28 กันยายน 2565 จากประกาศกรมอุตุวิทยา เรื่องพายุโนรู ที่เคลื่อนเข้าภาคอีสาน ในวันที่ 29 กันยายนนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลายจังหวัดได้เตรียมตัวรับมือพายุดังกล่าว โดยที่จังหวัดสกลนคร เริ่มมีฝนตกกำลังแรงปกคลุมพื้นที่ทั่วจังหวัด จากการตรวจสอบสภาพอากาศผ่านเรดาห์ สถานีอุตุนิยมวิทยาจังหวัดสกลนคร พบมีกลุ่มฝนในบริเวณกว้าง โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดอีสานตอนล่างตามคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือน
ในขณะที่นางจุรีรัตน์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ได้สั่งการให้ทุกภาคส่วนเตรียมพร้อมสรรพกำลังและเครื่องมือและติดตามสถานการณ์แหล่งน้ำและอ่างเก็บน้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในส่วนของเขตเทศบาลนครสกลนคร บริเวณหนองสนมจุดรับน้ำกลางเมือง ได้มีการเดินเครื่องสูบน้ำเต็มกำลังเพื่อระบายน้ำออกจากตัวเมืองลงสู่หนองหาร ป้องกันน้ำท่วมฉับพลัน
ส่วนจังหวัดนครราชสีมา สำนักชลประทานที่ 8 ได้เปิดประตูระบายน้ำ อ่างลำเชียงไกร ตอนล่าง ในอำเภอโนนไทย จำนวน 2 บาน เพื่อระบายน้ำภายในอ่างเก็บน้ำลงสู่ลำเชียงไกรในพื้นที่ อำเภอโนนไทย อำเภอโนนสูง ทำให้ชาวบ้าน ในพื้นที่ ตำบลจันอัด ตำบลมะค่า ตำบลเมืองปราสาท ตำบลพลสงคราม ได้เร่งช่วยกันกรอกกระสอบทรายจำนวนกว่า 5,000 กระสอบ
เพื่อเตรียมพร้อมรับมือพายุโนรู ที่จะทำให้มีฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก และที่สำคัญ พายุโนรู จะส่งผลทำให้ปริมาณน้ำ ภายในอ่างเก็บน้ำหลายแห่งในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา มีปริมาณน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจจำเป็นต้องเร่งระบายน้ำภายในอ่างเก็บน้ำออกเป็นรอบที่ 2 อีก เพราะก่อนหน้านี้ อ่างเก็บน้ำขนาดกลางหลายแห่ง ได้มีการพร่องน้ำออกมาแล้วรอบหนึ่ง จนส่งผลกระทบทำให้มีน้ำท่วมขังนาข้าว และ บ้านเรือนของชาวบ้าน ที่อยู่ติดกับฝั่งแม่น้ำมูล และลำเชียงไกร ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
นายวิชัย จาตุรงค์กร ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำบำรุงรักษาห้วยหลวง จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า อ่างห้วยหลวงมีความจุ 135.6 ล้าน ลบม. ปีนี้ฝนดีมีน้ำไหลเข้าขณะนี้ 105.2 ล้าน ลบม. หรือ 77.6 % สูงกว่าปีก่อนที่มีน้ำ 61.9 ล้าน ลบม. หรือ 45.6 % ซึงถือว่าสูงเกินกว่า 100 ล้าน ลบม.ในรอบ 5 ปี สภาพอ่างฯมีความมั่นคงแข้งแรงดี สามารถรองรับน้ำช่วงท้ายฤดูได้อีก 30 ล้านลบม.
“จากคำเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่องพายุโนรูจะพัดผ่านเวียดนาม เข้าภาคอีสานของไทย น่าจะเป็นพายุที่มีความรุนแรงมาก ซึ่งเมื่อมาถึงภาคอีสานก็จะอ่อนตัวเป็นดีเปรสชัน และความกดอากาศต่อไป แต่จากอากาศเย็นที่แผ่ลงมาจากจีน อาจจะทำให้พายุจะเอียดลงทางอีสานใต้ แต่เราก็ประมาทไม่ได้ ต้องเฝ้าดูอยู่ตลาด 24 ชม. เพื่อใหการบริหารจัดการน้ำดีที่สุดตามแผน ”
ในขณะที่อ่างเก็บน้ำหลายแห่งใน จ.อุดรธานี มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างฯ มากกว่าทุกปี ทำให้เราเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งเหลือเวลาราวครึ่งเดือนฤดูฝนจะสิ้นสุด อ่างฯของกรมชลประทาน มีการระบายน้ำออก 8 อ่างเก็บน้ำ คือ อ่างเก็บน้ำหนองหาน หรือฝายกุมภวาปี หรือทะเลบัวแดง ,อ่างเก็บน้ำลำพันชาด,อ่างเก็บน้ำลำพันชาดน้อย ,อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำม้า,อ่างเก็บน้ำห้วยตะคองใหญ่ ,อ่างเก็บน้ำบ้านจั่น,อ่างเก็บน้ำหนองสำโรงจะระบายน้ำเพื่อรักษาสมดุลน้ำในอ่าง และอ่างเก็บน้ำห้วยสามพาดจะระบายเพื่อการเกษตร โดยมีอ่างเก็บน้ำบ้านจั่นจะเพิ่มปริมาณการระบาย เพราะมีน้ำอยู่มากถึง 86 % ของความจุ และอยู่ใกล้ตัวเมืองอุดรธานี
และมีอ่างเก็บน้ำปริมาณน้ำใกล้ถึง 80 % ของความจุ นอกจากอ่างเก็บน้ำห้วยหลวง ก็คืออ่างเก็บน้ำกุดลิงง้อมีปริมาณน้ำ 5.03 ล้าน ลบม. หรือ 78 % ของความจุ ยังรับน้ำได้อีก 1.4 ล้าน ลบม. แต่อยู่ใกล้ตัวเมืองอุดรธานี ส่วนอ่างเก็บน้ำคำลิ้นควาย ของ อบต.แสงสว่าง อ.หนองแสง ความจุ 1.8 ล้าน ลบม.ที่พบรอยรั่วซึมต้องลดระดับ โดยเปิดประตูน้ำ-ติดท่อกาลักน้ำ-ตั้งเครื่องสูบน้ำไปแล้ว 2 เครื่อง แต่ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างฯยังมีมาก จึงเพิ่มเครื่องสูบน้ำอีกรวมเป็น 4 เครื่อง เร่งระบายออกให้มากกว่านี้ พร้อมตั้งเวรยามเฝ้าอ่างฯและภาพรวม 24 ชม
นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า ได้ตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัยจังหวัดมหาสารคาม พ.ศ.2565 เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่ จากอิทธิพลของพายุโนรู รวมถึงประเมินสถานการณ์และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ โดยกำชับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้เตรียมความพร้อมด้านอุปกรณ์ อาทิ เรือท้องแบน เครื่องสูบน้ำ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมงหากเกิดภัย พร้อมแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย หากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงให้อพยพประชาชนให้ไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย และขอให้ติดตามสถานการณ์จากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด