เปิดหลักฐานใหม่คดี น้องโชค มือยิงเอาปืนซุกเสื้อ ลักษณะพร้อมก่อเหตุ

ความคืบหน้า คดีที่ “น้องโชค” นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนวัดลาดปลาดุก เสียชีวิตในห้องคอมพิวเตอร์ เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา จากการทำปืนลั่นของเพื่อน ตามที่ได้เสนอข่าวมาแล้วนั้น (อ่านข่าว)

ล่าสุดวันนี้ (26 ก.ย.) นายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือ ทนายโป้ง ประธานชมรมทนายความจิตอาสา พร้อม น.ส.ปวีณา งามสุด แม่น้องโชค และครอบครัว เดินทางไปที่ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เพื่อดูคลิปจากกล้องวงจรปิดของโรงเรียน ซึ่งก่อนหน้านี้ ผู้บังคับการการจังหวัดนนทบุรี และ ผู้กำกับ สภ.บางบัวทอง ได้เปิดคลิปให้ครอบครัวได้ตรวจสอบ แต่ห้วงเวลาหายไป 1 ชั่วโมง 30 นาที เป็นช่วงเวลาก่อนเกิดเหตุ ซึ่งทางญาติและทนาย ยังติดใจและสงสัยว่า ห้วงเวลาดังกล่าวทำไมถึงได้หายไป  

น.ส.ปวีณา แม่น้องโชค เปิดเผยว่า หลังจากได้ดูภาพกล้องวงจรปิดรอบที่ 2 ซึ่งได้ตรวจสอบเพิ่มเติม ถามว่าพอใจไหม คงต้องหาความจริงมากกว่านี้ ส่วนเรื่องบทลงโทษ แม่ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่อยากให้ความจริงปรากฏว่า เป็นการเจตนาจริง หรือประมาท ถ้าความจริงกระจ่างเมื่อไหร่ ทางตนก็จะนำร่างของลูกชายไปเผาตามประเพณี ซึ่งอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันค้นหาความจริง และให้ความยุติธรรมกับครอบครัวของตน คดีนี้ไม่เคยเกิดขึ้ ถ้าเรื่องเงียบไป เยาวชนที่ก่อเหตุจะได้ใจ ส่วนทางพ่อแม่คู่กรณี ก็เงียบหายไปตั้งแต่วันที่เดินทางมาขอขมา ไม่มีการพูดคุยอะไรกันเลย

ขณะที่ ทนายโป้ง กล่าวว่า ได้รับการประสานติดต่อจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง ที่แจ้งไว้คราวที่แล้ว เพราะระยะเวลาที่ดูกล้องวงจรปิดที่โรงเรียนขาดหายไป 1 ชั่วโมง 30 นาที ทาง ผกก.ได้ประสานมาว่า เจอกล้องวงจรปิดในส่วนดังกล่าวแล้ว จึงได้ประสานมาทางทนาย และครอบครัว ให้เดินทางมาตรวจสอบ 

หลังที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทั้งหมดแล้ว พบว่า เป็นช่วงตอนกลางวัน ระยะเวลาที่หายไป เป็นช่วงที่หลังจากรับประทานอาหารกลางวัน ก่อนที่จะเดินมาขึ้นเข้าไปในห้องเรียน 10 นาที และที่อยู่ในห้องเรียนอีก 1 ชั่วโมง ระยะทางจากที่เดินมาห้องคอมพิวเตอร์ 10 นาที รวมเป็น 1 ชั่วโมง 20 นาที เพราะฉะนั้น เวลายังขาดหายอยู่ 

จากการสอบถาม ทราบว่า ได้นำข้อมูลวงจรปิดทั้งหมดมาแล้ว แต่วันนี้ที่เอามาให้ดู เห็นพฤติกรรมแค่ 2 คน ผู้เสียชีวิตกับคู่กรณี ว่า มีการอยู่ด้วยกันแบบไหนอย่างไร ส่วนที่ไม่มีภาพของ 2 คน ได้ตัดออกไป แต่ที่ตนขออยากให้ทางตำรวจ หรือผู้กำกับฯ ไปเอาภาพก่อนที่จะเข้า ห้องเรียน 10 นาที ส่วนที่อยู่ในห้องเรียน จะไม่มีกล้องวงจรปิดก็ไม่เป็นไร ให้สอบปากคำพยานบุคคลไป หลังออกจากห้อง มาถึงห้องคอมพิวเตอร์ ที่เกิดเหตุอีก 10 นาที ช่วงเวลาตรงนี้ อย่างน้อย 20 นาที จะต้องมีกล้องวงจรปิด เห็นเขา 2 คน เดินเข้าห้องเรียน 

เห็นเขาสองคนเดินออกจากห้องเรียน เพื่อไปห้องเรียนคอมพิวเตอร์ ส่วนตรงนี้ทางผู้กำกับฯ รับปากว่า จะให้ฝ่ายสืบสวน ดึงภาพตรงนี้ออกมาทั้งหมด เพราะตอนนี้ทางโรงเรียน ได้ส่งไฟล์ Server ของทางโรงเรียน มาให้ตำรวจทั้งหมดแล้ว เพียงแต่ว่า  ท่านบอกว่าตัดให้ดูเป็นช่วงๆ หลังจากนี้จะเอาคลิปเต็มทั้งหมด เดี๋ยวคงต้องประสานกันอีกครั้งว่า จะใช้เวลากี่วัน เพื่อจะนัดมาดู คลิปเต็ม 

"เดี๋ยวทางตน จะเลือกดูเอง ไม่ใช่ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตัดมา ตามที่ท่านอยากให้ดู อยากดูทั้งหมด จะได้หายข้อข้องใจว่า มีเหตุจูงใจอะไร ที่ทำแบบนี้ สิ่งที่เราต้องการ ตอนนี้คือ อยากฝากพนักงานสอบสวน ให้เรียกผู้เชี่ยวชาญภาษากาย เพราะจากที่ดูคลิป จะเห็นว่า น้องคู่กรณี ถือปืนมือขวา และมีเสื้อกันหนาวคลุม ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องคอมพิวเตอร์ แล้วเกิดมีการลั่นไกปืน เพราะฉะนั้นตรงนี้ ระยะเวลาที่เดินเข้าห้องเรียน จะมีภาพอยู่ว่า น้องคู่กรณีเอามือขวาถือปืน แล้วเอาเสื้อกันหนาวคลุมมือ ตรงนี้ได้แจ้งพนักงานสอบสวนแล้วว่า ให้แจ้งผู้เชี่ยวชาญ ภาษากายให้มาให้การกับพนักงานสอบสวน เพื่อวิเคราะห์ดูว่า การเดินการถือปืนของน้องคู่กรณี มีเหตุจูงใจ หรือมีพฤติกรรมอะไร ทางผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษากายจะอธิบายได้"  

ในส่วนของคดี วันนี้ตนให้เปอร์เซ็นต์แค่ 50% อย่างที่เรียนให้ทราบ เบื้องต้นขอดู 1 ชั่วโมง 30 นาที จาก 1 ชั่วโมง 30 นาที วันนี้เราได้ดูแค่ 10 นาที อีก 1 ชั่วโมง 20 นาทีหายไป 1 ชั่วโมงก็คือในห้องเรียน ไม่มีวงจรปิด ไม่ติดใจ จากโรงอาหารมาถึงห้องเรียน 10 นาที จากห้องหน้าที่พลเมืองไปถึงห้องคอมพิวเตอร์ อีก 10 นาที รวมเป็น 20 นาที 20 นาทีดังกล่าว ต้องเห็นกล้องวงจรปิด 2 คนนี้ที่อยู่ด้วยกัน ก็มีความสงสัยอยู่ว่า ปิดบังทำไม ตรงนี้เป็นช่วงสำคัญ เป็นเวลากระชั้นชิดที่สุด ก่อนเกิดเหตุ ด้วยพฤติกรรมที่เห็นจากหน้าห้อง คอมพิวเตอร์ ยิ่งสงสัยว่า น้องคู่กรณี ใช้มือขวาถือปืน จะเชื่อว่า ปืนสะบัดค่อนข้างจะไม่ใช่ เพราะทุกคนในห้องเห็นภาพเดียวกันว่า น้องคู่กรณีใช้มือขวาถือปืน ขึ้นลำไว้แล้ว ถ้ามีการเหนี่ยวไกปืน ก็จะมีกระสุนออกมาทันที 

เบื้องต้น น่าจะเป็นการเล็งเห็นผล และทางผู้กำกับ บอกว่า เห็นด้วยว่า ย่อมเล็งเห็นผล อาจจะต้องมีการแจ้งข้อหาเพิ่ม เพราะการที่ขึ้นลำปืนไว้ คือพร้อมใช้เหนี่ยวไก เมื่อไหร่ กระสุนกระออกลำกล้องทันที เบื้องต้นตั้งเป็นอุบัติเหตุไว้ก่อน แต่ตนชี้ชัดแล้วว่า ทางพนักงานสอบสวน ต้องแจ้งข้อหาย่อมเล็งเห็นผล หลังจากนี้จะให้คุณแม่ลองประสานทางโรงเรียนว่า มีกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมมากกว่านี้หรือไม่ เพื่อให้ชัดเจนทั้งสองฝ่ายว่า กล้องมีเท่านี้จริง ๆ ทางเราจะได้ยอมรับว่า หลักฐานมีแค่นี้