ภายหลังเกิดภาพเหตุการณ์ว่อนโซเชียลคนขับรถประจำทาง ขสมก. สาย 3 ทำร้ายคนขี่รถจักรยานยนต์ ได้รับบาดเจ็บ ล่าสุดทางด้านกลุ่มเส้นด้าย นำโดย นายคริส โปตระนันทน์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งเส้นด้าย เป็นคนกลางในการแถลงข่าว และการเผชิญหน้าระหว่าง นายหนึ่ง (นามสมมุติ) คนขับรถมอเตอร์ไซค์ และ นายอภิสิทธิ์ สุรินทร์ทอง คนขับรถเมล์สาย 3
โดยบรรยากาศในการเจรจา สองฝ่าย ปรากฎว่าไม่สามารถตกลงกันได้ด้วยดี เนื่องจากยังมีบางประเด็นที่ นายหนึ่ง คนขับรถมอเตอร์ไซค์ยังคาใจเกิดความสงสัย ขณะที่ทางด้าน นายอภิสิทธิ์ ได้ขอโทษอีกฝ่ายด้วยการยกมือไหว้ ผู้บาดเจ็บและญาติผู้ใหญ่ของผู้บาดเจ็บ
นายคริส กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทางนายหนึ่ง ผู้เสียหายเกิดความกังวล กลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจาก มีปัญหากับพนักงานคนขับรถเมล์ ขสมก. และที่ต้องร้องเรียนเพราะ รู้สึกว่าสังคมมองว่าการถูกทำร้ายเพราะทะเลาะกัน แต่อยากให้มองว่า คนขับรถเมล์ ที่ขับรถโดยมีผู้โดยสารจำนวนมาก แต่ขับรถเบียดทำให้รถจักรยานยนต์ล้ม เกือบจะเข้าไปอยู่ใต้ล้อรถเมล์ ซึ่งเป็นเจตนาที่ทำให้บาดเจ็บ
ขณะที่นายหนึ่ง (นามสมมติ) อาชีพแกร็บไบร์ค ไรเดอร์ เล่าย้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ขณะเกิดเหตุเพิ่งจะส่งลูกค้าเสร็จที่สถานีกลางบางซื่อ เมื่อส่งลูกค้าถึงจุดหมายแล้ว จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ตรวจสอบข้อมูลในแอพ ขณะที่รถเมล์สายดังกล่าวได้บีบแตรใส่ ก่อนจะหันมาด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย จึงเก็บโทรศัพท์และขี่รถจักรยานยนต์ตามรถเมล์ไป และพูดตอบโต้ไปด้วยความโมโหว่า " “เอาแม่งเลยไหม!”
นายหนึ่ง เล่าอีกว่า ตลอดระยะทางตั้งแต่จุดเกิดเหตุ จนถึงที่กลับรถช่วงถนนกำแพงเพชร 2 ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร คนขับรถเมล์พยายามที่จะท้าทายให้ผมขึ้นไปบนรถเมล์ และพยายามจะจอดรถตรงป้ายรถเมล์เพื่อเปิดประตูลงมา และมีการชูนิ้วกลางให้ ทั้งคนขับและกระเป๋ารถเมล์ ยอมรับว่าตอนนั้นโมโหมาก และคิดว่าถ้ามีเรื่องคงจะแค่ชกต่อยกันแบบลูกผู้ชายแล้วจบ ไม่คิดว่าเมื่อขี่รถถึงเลี้ยวซ้ายผ่านตึกแดงมา จนถึงจุดกลับรถจะรุนแรงมากขึ้น จังหวะนั้นมีออร์เดอร์งานเข้ามาพอดี จึงขี่รถออกเลนขวาเพื่อกลับรถไปรับลูกค้า
"ตอนแรกคิดว่าเรื่องจบแล้ว เพราะรถเมล์ต้องเลี้ยวซ้ายเข้าอู่ แต่ปรากฎว่าจู่ๆรถเมล์ได้เบี่ยงขวาขับตามมา และเจตนาขับรถเหยียบรถจักรยานยนต์ของผมอย่างแรง ทำให้รถติดอยู่ที่ล้อของรถเมล์คันใหญ่ และขาของผมก็ติดอยู่ที่รถมอเตอร์ไซค์ ทำให้ไม่สามารถทรงตัวได้และจังหวะที่กำลังจะลุกขืน คนขับรถเมล์ก็ปรี่เข้ามาต่อย และทำร้ายร่างกายผมตามที่ปรากฎในคลิป"
เรื่องที่เกิดขึ้น นายหนึ่งระบุว่า ยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ไม่มีการไกล่เกลี่ยหรือพูดคุยแต่อย่างใด โดยเฉพาะเรื่องที่คนขับรถ ขับรถเหยียบรถของตน ทำให้ได้รับความเสียหาย และตัวเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด เพราะตอนเกิดเหตุติดอยู่กับตัวรถช่วงใต้รถเมล์ ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนอ้วน ถูกทำร้ายนานกว่า 5 นาทีโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว แต่โชคดีที่ร่างกายไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแต่มีอาการเจ็บที่ปาก เพราะปากแตก และร่างกายมีรอยฟกช้ำ
นายหนึ่ง เปิดเผยอีกว่า หลังเกิดเหตุเมื่อวันที่ 22 กย.ได้มีการนัดเจอกันที่ สน.บางซื่อเพราะตนได้แจ้งความไว้ แต่ปรากฎว่าเกิดเหตุการณ์ชุลมุนเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่อีกฝ่ายกลับเริ่มโกหก ทำให้ตนไม่สามารถระงับอารมณ์ของตัวเองอยู่จึงเข้าไปต่อยเข้าที่ใบหน้าของคนขับรถเมล์ ก่อนจะถูกเปรียบเทียบค่าปรับตามกฎหมาย
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่าตัวเองอารมณ์ร้อนและไม่สามารถระงับอารมณ์ของตัวเองได้ แต่ผมก็ไม่อารมณ์ร้อนถึงขั้นบุกขึ้นไปทำร้ายร่างกายเขาบนรถเมล์ และเขาไม่มีสิทธิ์ปาดรถมาชนผมแล้วตามลงมาทำร้ายผมซ้ำ”
นายหนึ่ง ระบุอีกว่า เมื่อตนฟังคู่กรณีเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว ไม่สามารถจับมือและจบกันด้วยดีได้ ในเมื่ออีกฝ่ายยังเล่าเรื่องโกหกอยู่ เพราะตอนที่เขาอยู่บนสน.บางซื่อ เขายอมรับว่าเจตนาขับรถเหยียบตน แต่พอมาตอนนี้บอกไม่มีเจตนา จึงไม่อยากพูดอะไรแล้ว ดังนั้นขั้นตอนหลังจากนี้ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ด้าน นายเอ (นามสมมุติ) พยานรายหนึ่งเปิดเผยว่า ตนเป็นเพื่อนของนายหนึ่ง หลังเกิดเหตุเพื่อนได้โทรศัพท์มาบอกว่า ถูกรถเมล์เหยียบ จึงเดินทางไปที่เกิดเหตุแต่ไม่ทน จึงตามไปเจอที่สน.บางซื่อ เมื่อไปถึงเห็นเพื่อนมาพร้อมกับพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุ แล้วเล่าให้ตนฟังว่า เห็นจังหวะที่เพื่อนโดนเหยียบแล้ว และเห็นว่าคนขับรถเมล์เดินลงมาเตะซ้ำเรื่อย ๆ
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ คนขับรถเมล์ได้เล่าย้อนเหตุการณ์อีกครั้ง ซึ่งยังยืนยันคำพูดเดิมเหมือนกับที่ให้ปากคำกับทางกรมการขนส่งทางบกช่วงเช้าที่ผ่านมา พร้อมกับระบุว่า ยืนยันได้ว่า ไม่ได้บอกกับพนักงานสอบสวน ว่ามีเจตนาที่จะขับรถชนแน่นนอน และตนไม่มีทางทำแบบนั้น เพราะ ตั้งแต่มีอาชีพเป็นคนขับรถเมล์มา 10 ปี ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน และรู้ดีว่าผลเสียที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร ตอนนี้ตนพร้อมและกล้าที่จะขอโทษคู่กรณีที่ตัวเองใจเย็นไม่มากพอ ทำให้คนอื่นเดือดร้อน
ด้านนางสาวเพียร บวรสิทธิไพบูลย์ ผู้อำนวยการเขตการเดินรถที่ 8 กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้น ขอโทษ ทุกคนสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าเกิดพนักงานคนขับรถโดยสารไม่สามารถควบคุมอารมณ์ในฐานะผู้ให้บริการได้ โดยหลังจากนี้ทาง ขสมก. จะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง และจะต้องส่งพนักงานไปทำงานในหน้าที่อื่นก่อนในช่วงนี้
เบื้องต้น หลังเกิดเรื่องนายอภิสิทธิ์ได้รายงานตามกระบวนการขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะมีการต้องส่งพนักงานไปอบรมหลักการบริการเพิ่มเติม