“สารัชถ์ รัตนาวะดี” ซีอีโอ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ มหาเศรษฐีแถวหน้าเมืองไทย ผู้มีความมั่งคั่งสุทธิกว่า 4 แสนล้านบาท มองว่าขณะนี้หมดยุคดอกเบี้ยถูกแล้ว หลังธนาคารกลางต่างๆ เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อ ซึ่งไทยคงไม่สามารถสวนกระแสไม่ได้ เพราะถ้าไม่ขึ้นอาจถูกโจมตีค่าเงิน ขณะเดียวกันเป็นห่วงว่าการขึ้นดอกเบี้ยจะยิ่งซ่ำเติมปัญหาหนี้ครัวเรือน
นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จีดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF กล่าวว่า ขณะนี้หมดยุคดอกเบี้ยถูกแล้ว ทั้งสหรัฐและ ยุโรปขยับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพื่อคุมเงินเฟ้อ ซึ่งประเทศไทยคงไม่สามารถสวนกระแสไปได้ เพราะถ้าเราไม่ขึ้นดอกเบี้ยก็อาจถูกโจมตีค่าเงินบาทเหมือนช่วงปีค.ศ. 1997
ขณะเดียวกันการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบต่อหนี้ครัวเรือนไทยจากต้นทุนที่สูงขึ้น เป็นการเพิ่มภาระให้กับประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อยที่ฐานเงินทุนไม่แข็งแรง ส่วนบริษัทขนาดใหญ่ไม่น่าเป็นห่วงเพราะมีเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยง สามารถผ่อนผันการลงทุนได้อยู่แล้ว
“เราจะไม่ได้อยู่ในโลกที่ดอกเบี้ยถูกอีกต่อไป ตอนนี้ก็หวังว่าถ้าดอกเบี้ยเงินฝากขึ้นด้วย น่าจะทำให้ส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้น้อยลงไปได้บ้าง”
สำหรับประเทศไทยถือว่ามีความโชคดีที่ไม่ได้กู้เงินต่างประเทศมาใช้เพื่อดูแลเศรษฐกิจในช่วงสถานการณ์โควิด โดยผู้บริหารประเทศในขณะนั้นและขณะนี้ ตัดสินใจใช้เงินกู้ในประเทศ ไม่ได้กู้เงินดอลลาร์ ทำให้ไทยเผชิญแต่ภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้รับความเสี่ยงจากเงินบาทที่อ่อนค่า
“ดีที่ช่วงโควิดรัฐบาลกู้เป็นเงินบาททั้งหมด ถ้ากู้เป็นเงินดอลลาร์ หนี้คงเพิ่มขึ้นเยอะ ถือเป็นความรอบคอบของทีมเศรษฐกิจ”
นายสารัชถ์ กล่าวว่า กัลฟ์ไม่มีความจำเป็นต้องออกหุ้นกู้เพิ่มเติมในปีนี้ แม้ว่าดอกเบี้ยจะเป็นขาขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ออกหุ้นกู้เพื่อล็อคต้นทุนไว้แล้วจำนวน 35,000 ล้านบาท ก่อนที่ดอกเบี้ยจะปรับขึ้น
สำหรับแผนลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าของกัลฟ์จะมุ่งลงทุนในต่างประเทศ ทั้งสหรัฐและยุโรป ที่มีความมั่นคงในแง่ของนโยบายมากกว่าในเอเชียและไทย
นอกจากนี้ เขา ยังพูดถึงเรื่องสถานการณ์การเมืองในประเทศด้วย โดยมองว่าทุกอย่างจะดีขึ้น มีความชัดเจนขึ้น หลังวันที่ 30 ก.ย.2565 ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัย กรณีการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา