เมื่อเวลา 23.30 น. คืนที่ผ่านมา (22 ก.ย.2565) พ.ต.ท.ประสงค์ อินเสมียน สารวัตรสอบสวน สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตภายในบ้านพัก จังหวัดสมุทรปราการ จึงนำชุดสืบสวนและประสานเจ้าที่เขาสมัครมูลนิธิปอเต็กตึ๊ง เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ปลูกติดกัน 2 หลัง ในเนื้อที่ประมาณ 30 ตารางวา พบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย คือนายณัฐวุฒิ ทิมพันธ์ อายุ 33 ปี นอนอยู่กลางบ้านชั้นล่าง สภาพศพใส่เสื้อชุดฟุตบอลสีแดง มีบาดแผลเขียวช้ำที่เบ้าตา โหนกแก้ม กกหูข้างซ้าย ที่ข้อมือทั้งสองข้างและขาทั้งสองข้างมีร่องรอยการถูกรัดด้วยเชือก คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง
เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมชุดสืบสวนตรวจสอบบริเวณบ้านที่เกิดเหตุ พบร่องรอยการต่อสู้และมีคราบเลือดกระจายอยู่เต็มพื้นบ้าน รวมทั้งบริเวณโซฟาและที่นอนที่อยู่ใกล้กัน สอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่า นายณัฐวุฒิ ผู้ตาย เกิดอาการคลุ้มคลั่ง พยายามจะทำร้ายร่างกายและล่วงละเมิดทางเพศป้าและย่า แต่นางวันเพ็ญ ยาวิชัย อายุ 59 ปี ผู้เป็นป้าหนีไปได้ ส่วนย่าคือ นางประทุม ทิมพันธ์ อายุ 73 ปี ที่นอนอยู่ในมุ้งพยายามต่อสู้และขัดขืน ทำให้ผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นหลานชายแท้ ๆ ใช้มีดแทงย่าจนได้รับบาดเจ็บ จากนั้นญาติและชาวบ้านช่วยจับตัวไว้ได้ จึงทำการมัดมือมัดเท้า ระหว่างนั้นผู้ก่อเหตุเกิดอาการช็อคและหมดสติไป เมื่อเจ้าหน้าที่เข้ามาดูจึงทราบว่าเสียชีวิตแล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมอบศพให้อาสามูลนิธิปอเต็กตึ้ง นำศพส่งสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการตายที่แท้จริง ก่อนมอบศพให้ญาติไปดำเนินพิธีกรรมตามศาสนาต่อไป
นายวิเชียร รอดทับ อายุ 50 ปี น้องชายของนางประทุม จึงมีศักดิ์เป็นปู่ของผู้ตาย เล่าให้ฟังว่า ตอนตนเองมาถึง เห็นหลานถูกชาวบ้านล็อคตัวไว้แล้ว ส่วนสภาพพี่สาวเลือดเต็มหน้า เต็มขา บริเวณนมมีรอยกัดหลายที่ และถูกมีดแทงที่อวัยวะเพศ พี่สาวบอกว่าหลานจะข่มขืน ส่วนที่เสียชีวิตน่าจะเป็นเพราะฤทธิ์ยา ตอนแรกยังพูดได้ปกติ พอโดนล็อคเริ่มเกิดอาการชักและนิ่งไปเลย กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน-ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน มากันเต็มไปหมด
ส่วน นายมานพ ทิมพันธ์ อายุ 54 ปี พ่อของผู้ตาย กล่าวว่า ตนเองอยู่บ้านอีกหลัง มีคนโทรศัพท์ไปบอกว่าลูกมาอาละวาด ตนเองคิดว่าไม่รุนแรงเพราะมีคนอยู่ในบ้านหลายคน พี่สาวก็ไปตามบอกว่ามันเอามีดจี้คอแม่ ซึ่งเป็นย่าของลูกชาย ตอนตนเองมาถึงเห็นลูกชายกำลังขึ้นคร่อมย่าตัวเองและถือมีด ลูกชายมีประวัติการรักษาจิตเวชโดยมีอาการประมาณ 10 กว่าปี ก่อนเป็นทหารอีก สาเหตุน่าจะเกิดจากการเสพยาเสพติด และไม่ได้กินยาจิตเวชต่อเนื่อง เพราะไม่มีใครบอกพ่อว่ายาของลูกชายหมด ก่อนหน้านี้ก็มีอาการคลุ้มคลั่งเป็นประจำ เตะย่าจนซี่โครงหัก ครั้งนี้อาการแรงสุด ส่วนที่ลูกชายเสียชีวิตน่าจะเกิดจากอาการชักเกร็ง เพราะตอนโดนล็อคตัวมีอาการสั่นและกัดฟัน ส่วนตาที่เขียวนั้นตนเองเป็นคนตบให้รู้สึกตัว ให้หยุดจากการคลุ้มคลั่ง ส่วนตัวมีลูกทั้งหมด 5 คน มีคนนี้คนเดียวที่เกเร และไม่รู้สึกเสียใจเลยที่ลูกชายเสียชีวิต ตนเองมาเห็นลูกชายตัวเองกำลังขึ้นคร่อมย่าถือมีดไว้ทั้งสองข้าง เป็นมีดเล็กกับมีดใหญ่ ส่วนย่ามีเลือดไหลบริเวณรอบ ๆ คอ ตนเองจึงเข้าไปกดหัว แล้วมีคนมาช่วยกดมือและล็อคตัวไว้ได้ ลูกชายจะนอนบ้านหลังติดกันกับย่า และเข้ามาก่อเหตุโดยการปีนหลังคาเข้ามา ก่อนหน้านี้ก็เคยก่อเหตุกับน้าสาวจนทุกคนหวาดกลัวหมดแล้ว
ขณะที่ นายมานะ ทิมพันธ์ อายุ 54 ปี และนางวันเพ็ญ ยาวิชัย อายุ 58 ปี ลุงและป้าของผู้ตาย เล่าว่า ได้เข้านอนตามปกติ ผู้ตายที่เป็นหลานชายก็นอนอยู่ที่ชั้นสองของบ้าน แต่อยู่คนละมุม เวลาประมาณ 19.30 น. ผู้ตายมากระชาก นางวันเพ็ญ ออกจากมุ้งเพื่อจะข่มขืน จึงหนีมานอนอีกบ้านหนึ่งด้วยกัน 2 คน ซึ่งเป็นบ้านที่ นางประทุม ผู้เป็นย่านอนอยู่ด้วย สักพักได้ยินเสียงที่หลังคา นึกว่ามีตัวเงินตัวทองปีนขึ้น แต่พบว่าเป็นผู้ก่อเหตุสวมแว่นตาดำปีนขึ้นหลังคาและลงมาในบ้าน พร้อมบอกว่าเป็นตี๋ใหญ่และถือมีดอยู่ 1 เล่ม ก่อนเข้าไปหาแม่ (ย่าผู้ตาย) ในห้องโดยนำมีดไปจี้คอ บอกว่าใครเข้ามาจะฆ่า แม่จึงร้องขอความช่วยเหลือ เนื่องจากผู้ก่อเหตุจะข่มขืนแต่แม่ไม่ยอม ผู้ก่อเหตุจึงใช้อาวุธมีดแทงบริเวณลำตัวหลายแผล และกัดบริเวณหน้าอก
ด้าน นางวันเพ็ญ บอกว่า ตนเองนอนอยู่ในมุ้งกับสามี ประมาณ 1 ทุ่ม ผู้ก่อเหตุเข้ามาลากตนเองออกนอกมุ้ง ตนเองจึงสะบัดมือออกแล้วเดินไปนอนกับแม่ที่บ้านอีกหลัง เนื่องจากกลัวอันตราย ผู้ก่อเหตุจึงอยู่ในบ้านหลังกับสามีที่เป็นลุงของผู้ก่อเหตุ ซึ่งผู้ก่อเหตุเข้ามาต่อยสามี จนต้องหนีมานอนที่บ้านแม่เช่นกัน