พายุ “ฟิโอนา” พัดขึ้นฝั่งในเปอร์โตริโกตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. และสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ โดยทำให้ระชาชนกว่าครึ่งล้านคนยังคงไม่มีไฟฟ้าใช้ และประชาชนอีกกว่า 450,000 คนทั่วเกาะไม่มีน้ำประปาใช้ นอกจากนี้ถนนหลายสายได้รับความเสียหายเนื่องจากน้ำท่วม และประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ประกาศภาวะฉุกเฉินในเปอร์โตริโกในวันเดียวกับพายุพัดขึ้นฝั่งเพื่อจัดสรรทรัพยากรให้ความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว
ก่อนหน้านั้นพายุได้สร้างความเสียหายในบางประเทศและหมู่เกาะในทะเลแคริบเบียนช่วงสุดสัปดาห์จนถึงสัปดาห์นี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมอย่างน้อย 5 รายแล้ว ซึ่ง 1 รายอยู่ในกัวเดอลูป, 2 รายในเปอร์โตริโก และอีก 2 รายในสาธารณรัฐโดมินิกัน และมีบ้านเรือนกว่า 610 หลังพังย่อยยับในสาธารณรัฐโดมินิกัน
ล่าสุดศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติสหรัฐฯ รายงานว่า หลังจากพายุ “ฟิโอนา” เคลื่อนตัวผ่านหมู่เกาะเติร์กส์และเคคอสด้วยความรุนแรงระดับ 3 เมื่อวันอังคาร ล่าสุดมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 4 ซึ่งมีความเร็วลมอย่างน้อย 208 กม./ชม. ขณะอยู่เหนือมหาสมุทรแอตแลนติกเมื่อเช้าวันพุธ และต่อมาในช่วงค่ำตาพายุอยู่ห่างจากเบอร์มิวดาไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 968 กม. มุ่งหน้าขึ้นเหนือ รวมทั้งพายุอาจเคลื่อนตัวผ่านเบอร์ผิวดาโดยมีความเร็วลมระดับพายุโซนร้อนช่วง 62.5-117 กม./ชม. ช่วงกลางดึกวันพฤหัสบดีหรือเช้ามืดวันศุกร์ และอาจทำให้เกิดสตอร์มเสิร์จได้
กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ออกคำเตือนให้พลเมืองทบทวนเรื่องการเดินทางไปเบอร์มิวดาเนื่องจากพายลูกนี้ และยังอนุญาตให้ครอบครัวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เดินทางออกจากเบอร์มิวดาได้
และแม้พายุจะไม่เข้าใกล้ชายฝั่งภาคตะวันออกของสหรัฐฯ แต่นักอุตุนิยมวิทยาของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น คาดการณ์ว่า พายุอาจทำให้เกิดคลื่นสูง 2.5-3 เมตรในบริเวณดังกล่าวช่วงสุดสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติสหรัฐฯ เตือนว่า พายุอาจส่งผลกระทบต่อชายฝั่งของแคนาดาด้วยในช่วงคืนวันศุกร์และเสาร์ โดยอาจทำให้มีลมแรง สตอร์มเสิร์จและฝนตกหนัก