ล่าสุด "อุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร" ก็เริ่มเดินสายปรากฏตัวกับสื่อต่างๆ พร้อมกับคำถามที่เลี่ยงไม่ได้ คือ "การพาคุณพ่อกลับบ้าน" ผ่านการแก้ไขกฎหมาย "นิรโทษกรรม" ซึ่งถือเป็นฝันร้ายให้กับเพื่อไทยมาแล้ว ในยุครัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" จนเกิดการต่อต้านจากประชาชนอย่างหนักหน่วง
โดย "อ.เชษฐา ทรัพย์เย็น" นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ จากรั้วมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี เคยวิเคราะห์ผ่าน "เนชั่นทีวี" กับการพา "ทักษิณ ชินวัตร" กลับบ้าน ต้องผ่านบันได 3 ขั้น
1.ต้องเริ่มจากพรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ เพื่อเป็นการแสดงผลประชามติอย่างชัดเจนว่าประชาชนเลือกเพื่อไทย ซึ่งมีภาพ "ทักษิณ" ปรากฏอย่างเด่นชัด ถือเสมือนประชาชนให้การสนับสนุนทักษิณ และต้องให้เพื่อไทยได้จำนวน ส.ส. ทิ้งขาดอันดับสองแบบไม่เห็นฝุ่น จะได้ไม่มีปัญหาในการรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล
2.พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล รวมเสียงข้างมากที่สุด ซึ่งต้องไม่ใช่เสียงข้างมากแบบปกติอย่างที่ทักษิณเคยทำตลอดมา คือ ปริ่มๆ 300 เสียง หรือเกิน 300 เสียงนิดๆ แต่ต้องรวมเสียงพรรคการเมืองต่างๆ ให้ได้แบบเด็ดขาด ที่อาจจะไม่เคยเห็นมาก่อน เช่น 400 เสียง จากจำนวนเต็ม 500 ส.ส.
3.ดำเนินการโดยเริ่มเสนอนโยบายปรองดองขั้นสูงสุด ผ่านกลไกทางกฎหมายและทางรัฐสภา และชี้ชวนประชาชนเกือบทั้งหมด ซึ่งแสดงตนผ่านการเลือกพรรคการเมือง ที่มารวมตัวเป็นรัฐบาลนี้ ให้เห็นถึงความผาสุกอย่างถาวรของประเทศ เป็นสำคัญกว่าการมาคำนึงถึงตัวทักษิณคนเดียว
นอกจากนี้ อ.เชษฐา ยังย้ำว่า สุดท้ายบันไดสามขั้นนี้จะเกิดขึ้นได้ ต้องเริ่มจากพรรคเพื่อไทยได้แลนด์สไลด์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยต้องทิ้งพรรคอันดับสองขาดลอย เหมือนการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่ผ่านมา
จึงเห็นได้ว่าการเดินเกมของพรรคเพื่อไทยช่วงนี้ ถ้าพรรคการเมืองใดที่มีแนวโน้มจะมาตัดฐานเสียงของเพื่อไทย ด้วยการจัดอีเวนท์หาเสียงสำคัญๆ เพื่อไทยจะขยับตัวแก้เกมทันที ด้วยการจัดอีเวนท์ประกบ ไม่ว่าจะเป็น พรรคภูมิใจไทย ของ "อนุทิน ชาญวีรกูล" พรรคสร้างอนาคตไทย ของ "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" หรือ พรรคไทยสร้างไทย ของ "คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์" ก็ตาม