เป็นที่แชร์วิจารณ์อย่างมากในโซเชียล กรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพ และเล่าเรื่องราวของหญิงชราคนหนึ่ง ที่นั่งอยู่หน้าที่ทำงาน ในสภาพกระเป๋า และเอกสารกระจัดการะจาย โดยมีไม้เท้าค้ำยันวางอยู่ใกล้ ๆ พร้อมกับโพสต์ข้อความระบุว่า คุณยายโดนเด็กแถวบ้านหลอกว่า จะพามาทำบัตรประชาชนอันใหม่ แล้วก็มาปล่อยคุณยายทิ้งไว้หน้าสำนักงาน แล้วก็เอากระเป๋าคุณยายแกไป โดยบอกว่าจะเอาไปลงทะเบียนให้ ยายก็เลยหยิบบัตรประชาชนอันเก่าให้ แต่คนร้ายไม่ยอม และกระชากเอากระเป๋าตังค์คุณยายไป แล้วก็ขับรถหนีไปเลย
เงินในกระเป๋ากว่า 1 หมื่นบาท ยายร้องหนักมาก เพราะเงินที่โจรเอาไปนั้นเป็นเงินเก็บของยาย ยายบอกว่ากลับบ้านไม่ได้จะโดนตาตีเพราะเงินหาย ยายกับตาอาศัยอยู่กัน 2 คน ไม่มีลูกไม่มีหลาน ซึ่งต่อมาได้พาคุณยายไปศูนย์ดำรงธรรม เราพยุงแกเดิน แกบอกว่าไม่มีแรงเดินเลย สงสารยายแกเป็นโรคหัวใจด้วย ทำกับคนแก่ได้ไง ตอนนี้มีกล้องวงจรปิดที่เห็นตัวคนร้ายแล้ว ช่วยยายเท่าที่ช่วยได้นะคะ
ล่าสุดวันนี้ (19 ก.ย.65) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ไปพบกับ นางเจือ ศรีสวัสดิ์ อายุ 89 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 134 ตรอกโรงต้ม ภายในเขตเทศบาลนคร นครราชสีมา โดยอาศัยอยู่กัน 2 คน กับนายสอน ศรีสวัสดิ์ อายุ 89 ปี ซึ่งเป็นสามี
โดยนางเจือได้เล่าให้กับผู้สื่อข่าวฟังว่า ในวันเกิดเหตุนั้นตนได้นอนอยู่ที่ศาลาหน้าบ้าน โดยในเวลาประมาณบ่ายโมงคนร้ายซึ่งเป็นคนที่เคยอาศัยอยู่แถวนี้ ได้เข้ามาพูดจากับตนว่าจะพาไปทำบัตรประชาชนใหม่ เพราะบัตรประชาชนเก่าของตนนั้นสภาพเลือนลาง คนร้ายจึงได้อาสาที่จะขับมอเตอร์ไซด์พาไปทำบัตรประชาชน โดยในระหว่างนั้นตนก็แปลกใจว่า ทำใมถึงขับมาอีกทางหนึ่ง เพราะปกติแล้วตนจะไปทำบัตรประชาชนที่เทศบาลฯ
แต่คนร้ายกลับพามายังอำเภอ แล้วก็มาจอดที่หน้าสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬา แล้วก็ปล่อยตนลงพร้อมกับบอกว่า จะไปดำเนินการเรื่องเอกสารให้ พอตนจะหยิบบัตรประชาชนอันเก่าให้ คนร้ายก็ไม่ยอมพร้อมกับกระชากกระเป๋าของตนไป แล้วขับรถมอเตอร์ไซด์ออกไป โดยที่ในกระเป๋ามีทั้งประบัตรประชาชนและเงินสดอีกเกือบ 1 หมื่นบาท
นางเจือ กล่าวต่อไปอีกว่า ตนอยากได้เงินคืนเพราะเป็นเงินที่ตนเก็บมาทั้งชีวิต โดยที่ตอนนี้ตนก็ไม่มีรายได้อะไร มีเพียงเงินคนสูงอายุเพียงเท่านั้น ซึ่งตนอยากบอกคนที่เอาเงินไปว่า ถ้ามีเงินก็เอามาคืน แต่ถ้าไม่ได้คืนก็ไม่เป็นไรถือว่าเป็นเวรกรรมของตน
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามชาวบ้าน ภายในชุมชนถึงข้อมูลของคนร้ายที่ชิงกระเป๋าของยายไป ซึ่งทราบชื่อของคนร้ายว่า ชื่อนาย “ต๋อง” อายุประมาณ 35 ปี อดีตเคยเป็นจ๊อกกี้ และได้ผันตัวเองมาเป็นคนเลี้ยงม้า โดยเคยมาอาศัยอยู่ในชุมชนแห่งนี้ โดยนายต๋องเคยมาได้ภรรยาเป็นคนในชุมชนแห่งนี้ ก่อนที่จะเลิกรากันไปแล้วหลายปี ซึ่งบ้านที่นายต๋องเคยมาพักอาศัย ก็อยู่ข้าง ๆ บ้านของยายเจือ
แต่หลังจากเลิกรากับภรรยาไปแล้ว นายต๋องก็ยังคงกลับมาที่ชุมชนแห่งนี้เป็นบางครั้ง ซึ่งจากการสอบถามชาวบ้านทราบว่า นายต๋องมีพฤติกรรมชอบลักเล็กขโมยน้อย ซึ่งก่อคดีในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง จนชาวบ้านในบริเวณนี้เอือมระอากับพฤติกรรมของนายต๋อง
โดยนายมนู กุหลาบเพ็ชร อายุ 40 ปี อดีตพี่เขยของนายต๋อง กล่าวว่า นายต๋องเคยมาอาศัยอยู่แม่ของตนในฐานะน้องเขยเมื่อหลายปีมาแล้ว ซึ่งตอนนี้นายต๋องก็ได้เลิกรากับน้องสาวตนไปแล้ว แต่นายต๋องยังคงกลับมาที่ชุมชนนี้บ่อยครั้ง ซึ่งพฤติกรรมของนายต๋อง เมื่อครั้งเคยมาอยู่ที่บ้านแม่ของตน นั้นนายต๋องมีนิสัยชอบลักเล็กขโมยน้อย ชอบขโมยเงินแม่ของตนไป นอกจากนี้นายต๋องยังเคยขโมยพวกข้าวสาร ที่ตนกับน้องชายอีกคนซื้อเอาไว้ให้แม่ นอกจากเรื่องขโมยแล้ว นายต๋องยังเคยทำร้ายร่างกายแม่ของตนอีกด้วย จึงอยากฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วยติดตามตัวนายต๋อง มาดำเนินคดีให้เร็วที่สุดด้วย เพราะตนมองว่านายต๋องเป็นบุคคลอันตราย นายมนูกล่าว
ขณะเดียวกันทางด้านเจ้าหน้าที่จากเทศบาลนครนครราชสีมา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดนครราชสีมา ได้ลงพื้นที่ไปให้ความช่วยเหลือยายเจือแล้ว เบื้องต้นทาง พม.จะให้เงินเยียวยาฉุกเฉินกับยายเจือเป็นเงิน 3,000 บาท พร้อมกับประสานทางเทศบาลนครฯ นำตัวยายเจือกับสามีไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล เพื่อนำผลตรวจร่างกายไปขอรับบัตรคนพิการ
และยังได้ประสาน อสม.ในพื้นที่เข้ามาดูแลเรื่องชีวิต ความเป็นอยู่ และสุขอนามัย รวมถึงได้มีการสำรวจบ้านพักอาศัยของยายเจือซึ่งมีสภาพทรุดโทรมมาก โดยสะพานข้ามคลองไปยังตัวบ้านมีสภาพทรุดโทรมจนเกือบพัง ซึ่งทำให้ยายเจือได้รับความรับบาก โดยทาง พม. มีงบประมาณในการซ่อมแซมที่พักอาศัย ของผู้สูงอายุอยู่ แต่ต้องหารือกับทางการรถไฟก่อนว่า จะสามารถทำใด้หรือไม่อย่างไร เพราะปัจจุบันนี้บ้านของยายเจืออยู่บนที่ของการรถไฟ
ขณะที่ความคืบหน้าทางคดี ขณะนี้ทางตำรวจรู้ตัวผู้กระทำผิดแล้ว กำลังอยู่ในระหว่างจับตัวมาดำเนินคดีโดยคาดว่าจะสามารถจับกุมตัวได้เร็ว ๆ นี้
ล่าสุดเย็นวันนี้ ตำรวจชุดสืบสวน สามารถติดตามจับกุมตัวคนร้าย ที่ก่อเหตุรายนี้ได้แล้ว คือ นายสุธีร์ เสตะจันทร์ อายุ 32 ปี โดยจับกุมได้บริเวณใกล้กับบ้านพักของผู้ต้องหา เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่า ตนกับคุณยายผู้เสียหายรู้จักกันมาก่อน เพราะอาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียงกัน โดยในวันเกิดเหตุ ตนตั้งใจจะขับขี่รถจักรยานยนต์พาคุณยาย ไปทำบัตรประชาชนใหม่จริง ๆ
แต่เมื่อขับไปถึงที่ และกำลังส่งคุณยายลงรถ ตนได้เหลือบมองไปเห็นเงินสดในกระเป๋าคุณยาย ทำให้ตนเกิดความโลภ แอบฉกเงินคุณยายแล้วทิ้งคุณยายไว้ ก่อนขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ส่วนเงินที่ได้ไปตนก็นำไปใช้เที่ยวเตร่จนหมดแล้ว ทั้งนี้ตนอยากฝากขอโทษคุณยายผู้เสียหายด้วย
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ แก่นายสุธีร์ผู้ต้องหา ก่อนนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ชมคลิปนาทีเกิดเหตุหนุ่มแสบชิงเงินยาย