svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เจาะประเด็นร้อน

สืบสวนความจริง : จับคาโต๊ะบิ๊กขรก.เรียกรับสินบน สะเทือน No Gift Policy

19 กันยายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"No Gift Policy" แสดงเจตจำนงสุจริตไม่รับของขวัญและของกำนัลทุกชนิดจากการปฏิบัติหน้าที่ แต่ผู้บริหารองค์กรกลับมีพฤติการณ์ถูกจับกุมในเรื่องการทุจริตเรียกรับเงินสินบนใต้โต๊ะ สะท้อนให้เห็นว่าเป็นเพียงนโยบายสวยหรู แต่ไม่มีทางเป็นจริงได้ในทางปฏิบัติของสังคมไทย

ปี 2565 มีข้าราชการระดับสูง มีพฤติการณ์ทุจริตเรียกรับเงิน โดยถูกจับกุมพร้อมเงินของกลาง คาโต๊ะทำงาน เป็นเรื่องเรียกรับเงินเปอร์เซ็นต์จากการแลกเปลี่ยนเซ็นอนุมัติใบอนุญาต และการจัดซื้อจัดจ้าง เป็นงานขนาดเล็กวงเงินไม่มาก อยู่ระหว่างหลักหมื่น-หลักแสน

 

สืบสวนความจริง : จับคาโต๊ะบิ๊กขรก.เรียกรับสินบน สะเทือน No Gift Policy

 

ข้าราชการที่ถูกจับกุม ปฏิเสธข้อกล่าวหา ขอไปสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองในชั้นศาล เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ ป.ป.ท. ปฏิบัติการวางแผนจับกุม วัฒนธรรมจังหวัด พระนครศรีอยุธยา จุรีพร ขันตี

 

สืบสวนความจริง : จับคาโต๊ะบิ๊กขรก.เรียกรับสินบน สะเทือน No Gift Policy

 

ขณะส่งมอบเงิน จํานวน 80,000 บาท ที่มาจากการแสดงเจตนาทุจริตในการจัดทําโครงการจัดพิธีกรรม ทางศาสนาพิธีบวงสรวงเทพยดาผู้รักษาเครื่องเกียรติยศประกอบศพ ณ วัดใหญ่ชัยมงคล ในวันที่ 23 สิงหาคม 2565

เมื่อวันที่ 8 กันยายน 256 ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ลงนามในคำสั่งให้ จุรีพร ขันตี วัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้ามาช่วยราชการ ที่สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ขณะที่ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ได้ออกมาประกาศตรวจสอบปัญหาการทุจริตภายในองค์กรของตนทุกแห่งทั่วประเทศ

สืบสวนความจริง : จับคาโต๊ะบิ๊กขรก.เรียกรับสินบน สะเทือน No Gift Policy

 

พฤติการณ์ ความผิด คือ จุรีพร ใช้อํานาจในตําแหน่งหน้าที่ อนุมัติให้จัดทําโครงการจัดพิธีกรรมทางศาสนาพิธีบวงสรวงเทพยดาผู้รักษาเครื่องเกียรติยศประกอบศพ ณ วัดใหญ่ชัยมงคล ในวันที่ 23 สิงหาคม 2565 ซึ่งใช้เงินงบประมาณ ของสํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จํานวน 80,000 บาท

สืบสวนความจริง : จับคาโต๊ะบิ๊กขรก.เรียกรับสินบน สะเทือน No Gift Policy

 

 

จุรีพร สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายงบประมาณ ทําสัญญาว่าจ้าง กับ นาง ม. ซึ่งประกอบอาชีพ เปิดร้านค้าขายของชําและสินค้าทั่วไป และเกี่ยวข้องเป็นป้าของผู้แจ้งความ ให้ นาง ม. เป็นผู้รับจ้างจัดงาน เป็นเงินทั้งสิ้น 80,000 บาท แต่ไม่ได้มีการว่าจ้างกันจริง เนื่องจาก นาง ม. ผู้รับจ้างไม่ได้เป็นผู้จัดหาหรือจัดทําตามรายการใบเสนอราคา และใบสั่งจ้างของ สํานักงานวัฒนธรรมฯ แต่อย่างใด

สืบสวนความจริง : จับคาโต๊ะบิ๊กขรก.เรียกรับสินบน สะเทือน No Gift Policy

 

เจ้าหน้าที่สํานักงานวัฒนธรรมฯ เป็นผู้ทําเอกสารการว่าจ้างมาเองทั้งหมดให้นาง ม. ลงชื่ออย่างเดียว และเมื่อถึงวันที่ 6 ก.ย. 2565 เงินงบประมาณโครงการ ได้ส่งเข้ามาที่สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 80,000 บาท จุรีพร จึงให้ เจ้าหน้าที่การเงินทําฎีกาเบิกเงิน โดยให้โอนเงินค่าจ้าง 80,000 บาทเข้าบัญชีธนาคารของ นาง ม. ผู้รับจ้าง ต่อมา จุรีพร ได้สั่งการผ่าน พีรพล หรือปู ทองดี ตําแหน่งฝ่ายพิธีการ ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิท โทรมาสั่งให้ผู้แจ้งเรื่อง ไปบอกให้นาง ม. ทําการถอนเงินสดจํานวน 80,000 บาท ออกมา เพื่อจะนําไปมอบให้ จุรีพร ในวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 7 ก.ย. 2565

 

สืบสวนความจริง : จับคาโต๊ะบิ๊กขรก.เรียกรับสินบน สะเทือน No Gift Policy

ผู้แจ้งเห็นว่าพฤติกรรม ดังกล่าวเป็นการทุจริตเงินงบประมาณแผ่นดินไปโดยมิชอบ ทั้ง ทราบว่า จุรีพร มีพฤติกรรมทุจริตในลักษณะดังกล่าวหลายครั้งแล้ว เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ ทําให้ผู้แจ้ง และนาง ม. ซึ่งทราบถึงพฤติกรรมทุจริตดังกล่าว เกรงว่าตนเองจะมีความผิดไปด้วย จึงได้แจ้งเบาะแสให้กับ สํานักงาน ป.ป.ช. จังหวัด พระนครศรีอยุธยา ทราบเรื่อง และจึงมาร้องทุกข์ กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ปปป.เพื่อให้ดําเนินคดี กับ จุรีพร ตามกฎหมาย

สืบสวนความจริง : จับคาโต๊ะบิ๊กขรก.เรียกรับสินบน สะเทือน No Gift Policy

 

อีกกรณีข้าราชการเรียกรับเงิน เป็นราย ปลัดอำเภอเมืองเชียงใหม่ มีพฤติการณ์เรียกรับเงินแลกใบอนุญาตซื้อปืน โดยเมื่อวันที่ 25 ส.ค.2565 เวลา 09.30 น. ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว นำกำลังบูรณการกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และ เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เข้าจับกุมตัว สรพงษ์ เตละวานิช อายุ 40 ปี ปลัดอำเภอเมืองเชียงใหม่ พร้อมของกลาง เงินสด 20,000 บาท และ ใบอนุญาตซื้ออาวุธปืน 2 ฉบับ ได้ที่ภายในห้องทำงาน ภายในที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงใหม่

 

สืบสวนความจริง : จับคาโต๊ะบิ๊กขรก.เรียกรับสินบน สะเทือน No Gift Policy

 

สำหรับพฤติการณ์ของคดี สืบเนื่องจากมีประชาชนในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ร้องเรียนเข้ามายัง ป.ป.ช.ว่า สรพงษ์ มีพฤติการณ์เรียกเก็บเงินเพื่อแลกกับการออกใบอนุญาตซื้ออาวุธปืน (ใบ ป.3) ป.ป.ช. จึงประสานมายังตำรวจ และ ป.ป.ท. เพื่อดำเนินการตรวจสอบ ก่อนร่วมกันวางแผนให้ผู้เสียหาย นำเงินไปมอบให้กับ สรพงษ์ ตามที่เรียกร้อง จำนวน 20,000 บาท ซึ่งได้ถ่ายสำเนาลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว

 

สืบสวนความจริง : จับคาโต๊ะบิ๊กขรก.เรียกรับสินบน สะเทือน No Gift Policy

 

เมื่อเห็นว่า ผู้เสียหาย นำเงินไปมอบให้กับ สรพงษ์ แล้ว เจ้าหน้าที่ จึงได้แสดงตัว จับกุม พร้อมกับตรวจยึดใบอนุญาตซื้ออาวุธปืนจำนวน 2 ฉบับ และ เงินสดของกลางจำนวน 20,000 บาท

 

 

จากการสอบสวน สรพงษ์ ให้การภาคเสธ อ้างว่าเงินสดดังกล่าวเป็นสินน้ำใจที่ผู้เสียหายนำมามอบให้ ไม่ใช่เงินสินบน แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เจ้าหน้าที่ แจ้งข้อกล่าวหา “เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเพื่อตนเอง ,เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ เป็นเจ้าพนักงานของรัฐเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่” ตาม ประมวลกฎหมายอาญส มาตรา 149 และตาม พ.ร.ป. ป.ป.ช.มาตรา 173

 

สืบสวนความจริง : จับคาโต๊ะบิ๊กขรก.เรียกรับสินบน สะเทือน No Gift Policy

 

 

ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปปป. ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย พร้อมกับขยายผลตรวจสอบการขอออกใบอนุญาตเกี่ยวกับอาวุธปืนต่างๆในพื้นที่ รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องย้อนหลังต่อไป

 

 

การประกาศเรื่อง "No Gift Policy" แสดงเจตจำนงสุจริตไม่รับของขวัญและของกำนัลทุกชนิดจากการปฏิบัติหน้าที่ แต่ผู้บริหารองค์กรกลับมีพฤติการณ์ถูกจับกุมในเรื่องการทุจริตเรียกรับเงินสินบนใต้โต๊ะ ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ ประกาศเรื่อง "No Gift Policy" ของหน่วยงานรัฐในภาพรวมอย่างรุนแรง

 

 

ให้ถูกมองว่าประกาศนี้ แท้จริงแล้วเพียงแค่นโยบายสวยหรูเพื่อใช้ในการเผยแพร่ออกสื่อประชาสัมพันธ์ผลงาน แต่ไม่มีทางเป็นจริงได้ในทางปฏิบัติในสังคมไทยที่ดูเหมือนจะดาษดื่นไปด้วย

logoline