15 กันยายน 2565 ศาลสั่งจำคุก 12 ปี เลขานุการส่วนตัวฉกเงินนายกเทศมนตรีตำบลหนองไม้แดง โดยเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ ทำการจับกุม น.ส.สุนันทา สืบแก้ว อายุ 29 ปี พนักงานฝ่ายทะเบียนราษฎร อำเภอเมืองชลบุรี โดยมีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดภายในห้องนอน ซึ่งเป็นบ้านพักของ นางตวงทิพย์ ภาวสุทธิ์ชัยกิจ นายกเทศมนตรีตำบลหนองไม้แดง
กล้องวงจรปิดจับภาพพฤติกรรมของ น.ส.สุนันทา ขณะเข้าไปรื้อค้นห้องนอน ก่อนจะหยิบเงินในกระเป๋าออกไป หลังการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดอย่างละเอียดยังพบว่า น.ส.สุนันทา ได้ก่อเหตุในลักษณะเดียวกันทุกวันรวม 21 ครั้ง สืบเนื่องกันเป็นเวลานานกว่า 5 ปี
ขณะที่ นางตวงทิพย์ เปิดเผยว่า ถูกขโมยเงินทุกวัน วันละประมาณ 5,000 ถึง 20,000 บาท ตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่ไม่ได้สังเกต จนมาระยะหลังสงสัยว่าเงินทำไมถึงหายไปตลอดทุกวัน ทีแรกก็สงสัยคนรอบข้างทุกคน แม้กระทั่งลูกสาวตัวเองก็ยังคิดว่าเป็นขโมย จนถูกคนรอบข้างมองว่าป่วยมีอาการทางจิตเป็นโรคระแวง
"กระทั่งตัดสินใจติดกล้องวงจรปิดภายในห้องนอน จึงเห็นพฤติกรรมสาวแสบทุกอย่าง โดยได้อดทนแบบสุดๆ ให้กล้องจับภาพทุกวันเป็นเวลา 21 วัน จึงแน่ใจแน่นอนว่าสิ่งที่สงสัยคนร้ายที่ขโมยเงินทุกวันคือ น.ส.สุนันทา จึงตัดสินใจนำคลิปกล้องวงจรปิดเข้าแจ้งความ"
หลังจากแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหาลักทรัพย์ และยักยอกทรัพย์ในเคหสถาน ขณะที่จากการตรวจสอบเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารของผู้ต้องหายังพบมีการเปิดบัญชีมากกว่า 5 ธนาคาร และบางธนาคารมียอดเงินสะสมกว่า 4 ล้านบาท ทั้งที่ผู้ต้องหามีเงินเดือนจากการเป็นพนักงานเทศบาลเพียง 12,000 บาท
น.ส.สุนันทา ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดจริง โดยได้กระทำการดังกล่าวได้ประมาณ 2 ปี และอ้างว่าสาเหตุจูงใจเกิดจากความโลภ ส่วนเงินที่ยักยอกไปได้นำไปใช้จ่ายรายวัน โดยที่ผู้เสียหายคาดว่าน่าจะหายไปเกือบ 10 ล้านบาท ทางพนักงานสอบสวน ตั้งข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ต่างกรรมต่างวาระ
หลังจากนั้น ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในชั้นศาลจังหวัดชลบุรี แต่ทางผู้ต้องหา ทำการอุทธรณ์ไปถึงชั้นฎีกา โดยอ้างว่ามีภาระต้องดูแลบิดามารดาที่ชราและต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรที่ยังไม่ได้เรียนหนังสือ หรือมีเหตุอื่นตามที่อ้างในฎีกา ก็ยังไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะรับฟังเพื่อรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย ที่ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 ใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำคุกนั้น เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว จึงได้ตัดสินจำคุกผู้ต้องหา รวมจำนวน 12 ปี ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้รับรายงานว่า ได้มีการฟ้องแพ่ง ตามทรัพย์คืน โดยให้ศาลจังหวัดชลบุรีฟ้องตามยึดทรัพย์ อีกด้วย
หลังศาลจังหวัดชลบุรีตัดสินในคดีนี้ นางตวงทิพย์ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาระหว่างคดีอยู่ในการพิจารณาที่ศาล ตนรู้สึกว่าช้ามาก จนมาถึงวันนี้รู้สึกดีใจที่สุดที่สามารถเอาคนผิดที่ไม่รู้จักบุญคุณคนที่ดีด้วยให้รับโทษตามกฎหมาย ตลอดเวลาเขาไม่สำนึกผิดที่ทำกับเรา เพราะหากเขารู้สึกผิดเขาคงไม่สู้คดีจนถึงชั้นศาลฎีกา จึงอยากฝากเรื่องนี้ให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้อื่น ว่าถึงแม้เราจะทำดีกับใครมากแค่ไหน ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะดีตอบเรา ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิต
ชมคลิปกล้องวงจรปิด >>
ข่าวและภาพโดย : วิศาล แสงเจริญ สำนักข่าวเนชั่น จ.ชลบุรี