วันนี้ (13 ก.ย.65) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ภาพข้อความการสนทนากันในกลุ่มไลน์ระหว่างผู้ปกครองและครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในสังกัดเทศบาลนครขอนแก่น ในลักษณะไม่พอใจกับการสื่อสารจากการแค่ขอความชัดเจนของผู้ปกครองนักเรียน เกี่ยวกับการขอให้เก็บเงินนักเรียนคนละ 10 บาทขึ้นไปเพื่อจัดงานจัดงานแสดงมุทิตาจิตครูที่เกษียณอายุราชการ ซึ่งผู้ปกครองได้ถามว่าเป็นการบังคับหรือไม่บังคับ แต่กลับถูกตอบมาในลักษณะที่ไมาเหมาะสม
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับนายวัลลภ หาลาภ ผู้ปกครองของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในสังกัดของเทศบาลนครขอนแก่น เล่าให้ฟังว่า การสนทนากันในกลุ่มไลน์ครูและผู้ปกครองในกลุ่มไลน์โดยครูท่านหนึ่งที่สอนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ได้โพสต์ข้อความแจ้งผู้ปกครองในกลุ่มไลน์ ว่าให้นักเรียนเตรียมเงินมุทิตาจิตครูและบุคลากรที่จะเกษียณราชการ จำนวน 10 ท่าน คนละ 10 บาทขึ้นไป ทำให้ตนเองและผู้ปกครองของนักเรียนที่อยู่ในกลุ่มไลน์เกิดความสงสัย ว่าเงินที่ให้นักเรียนเตรียมไปนั้น เป็นการบังคับหรือบริจาค และหากเตรียมไปต้องเตรียมไปเท่าไหร่กันแน่
จึงได้ไลน์สอบถามกลับไปว่า เงินที่ให้นักเรียนนำไป เป็นการบริจาคหรือบังคับ แต่ครูที่เป็นคนแจ้งในไลน์กลุ่มกลับได้นำเอาภาพแคปข้อความของครูประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มาตอบแทน โดยข้อความระบุว่า “แล้วแต่ คำว่ามุทิตาจิตไม่ร่วมก็ไม่เป็นไรค่ะ เป็นการแสดงความกตัญญูต่อครูที่ได้วาระเกษียณ ไม่บังคับ ทุกชั้นทุกสายก็ร่วมแสดงมุทิตาจิตเหมือนกัน ก็สืบต่อวัฒนธรรมอันดีงามมาทุกๆ ปีที่มีผู้เกษียณไม่ใช่เพิ่งมี” ซึ่งข้อความดังกล่าวทำให้ตนเองและผู้ปกครองท่านอื่นๆ ที่ได้อ่านเกิดความไม่สบายใจ แม้จะพยายามสอบถามเพื่อให้ได้ความชัดเจน แต่กลับไม่ได้รับคำตอบจากทางคณะครู
นายวัลลภ กล่าวว่า ตนเองไม่ได้มีปัญหากับการบริจาคเงินเพื่อใช้ในการจัดงานมุทิตาจิตครูที่เกษียณ เพราะที่ผ่านมาเวลาโรงเรียนมีงานหรือกิจกรรมก็ช่วยเหลือมาตลอด แต่ที่ต้องสอบถามไปนั้นก็เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า ตนเองจะต้องให้เงินลูกไปกี่บาทกันแน่ เพราะตามข้อความที่ครูแจ้งนั้นไม่ชัดเจน ไม่รู้ว่า ให้เด็กนำเงินไป 10 บาทหรือมากกว่า หรือว่า ให้นำไปครบตามจำนวนครูที่เกษียณ จำนวน 10 คน คนละ 10 บาท ซึ่งถ้าเป็นอย่างหลังก็เท่ากับว่า ตนเองจะต้องให้เงินลูกไปร่วมงาน จำนวน 100 บาท นี่คือประเด็นที่สอบถามไป
แต่ครูกลับใช้คำตอบว่า “แล้วแต่…” ซึ่งตนเองมองว่า เป็นการใช้คำพูดและการสื่อสารที่ใช้ไม่ได้ ครูและบุคลากรควรที่จะให้ความสำคัญในการสื่อสารและทำความเข้าใจกับผู้ปกครองให้ดีกว่านี้ เพราะลำพังการมาขอรับบริจาคเงินจากนักเรียนและผู้ปกครองไปจัดงานเลี้ยงเกษียณราชการของครูและบุคลากร ก็เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอยู่แล้วเพราะเป็นการเพิ่มภาระให้ผู้ปกครอง แม้จะบอกว่า ไม่บังคับก็ตาม แต่การไม่บังคับก็ยังมีข้อความในทำนองว่า การมุทิตาจิตเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญู ซึ่งหากผู้ปกครองหรือนักเรียนไม่มุทิตาจิตก็เท่ากับว่าปกครองหรือนักเรียนไม่กตัญญูใช่หรือไม่ จึงอยากให้ทางผู้บริหารโรงเรียนตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย