ทนายรณณรงค์ พาญาติเหยื่อ "เมาท์เทนบี" ร้อง DSI สอบข้าราชการรับส่วย

ชลบุรี - 12 กันยายน 2565 ที่ศูนย์ปฏิบัติคดีพิเศษเขตพื้นที่ 2 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมญาติของผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 20 ครอบครัว จากเหตุการณ์ไฟไหม้ผับเมาท์เทนบี ได้ยื่นเรื่องให้ ดีเอสไอ สอบสวนเส้นทางการเงิน ผลประโยชน์ หรือส่วย กับเจ้าหน้าที่ราชการทุกหน่วยงานในพื้นที่ อ.สัตหีบ หลังคดีไม่มีความคืบหน้า โดยมี พันตรี วิรัตน์ กุลละวณิชย์ , นายทวีศักดิ์ สุขพร้อม พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เขตพื้นที่ 2 รวบรวมข้อมูลหลักฐานจากญาติผู้เสียชีวิตและญาติผู้บาดเจ็บ ก่อนจะเรียกมาสอบสวนเพิ่มเติมต่อไป

ทนายรณรงค์ กล่าวว่า แม้ตำรวจจะดำเนินคดีกับเสี่ยบี เสี่ยยศ และภรรยาเสี่ยบี รวมถึงช่างไฟ แต่ญาติผู้เสียหายยังสงสัยว่ามีข้าราชการเกี่ยวข้องเรียกรับผลประโยชน์กับผับแห่งนี้หรือไม่ หวั่นจะเหมือนกับคดีซานติก้าผับ สุดท้ายจบด้วยข้าราชการมหาดไทย ตำรวจ ไม่มีใครได้รับผิด ซึ่งคดีเมาท์เทนบีจะจบแบบคดีซานติก้าไม่ได้ จึงเดินทางมายื่นเรื่องให้ ดีเอสไอ สอบสวนเส้นทางการเงินในการรับผลประโยชน์ของข้าราชการในพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเปิดผับแห่งนี้ อีกทั้งการสอบสวนของตำรวจพบว่ากู้กล้องวงจรวงปิดของผับได้แล้ว คลิปความยาว 30 วินาที ตอนนี้ก็น่าจะสรุปสาเหตุเพลิงไหม้ได้แล้ว แต่คดีก็ยังไม่คืบหน้า

ด้าน น.ส.กิตติยา ศิริสุนทร อายุ 43 ปี พี่สาวของ น.ส.สวิตตา จันทา แคชเชียร์ร้านเมาท์เทนบี ที่เสียชีวิตในวันเกิดเหตุทันที เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับเงินทำศพ 50,000 บาท หลังทำศพได้มาเพิ่มอีก 50,000 บาท รวมเป็นเงิน 100,000 บาท หลังจากนั้นก็ไม่ได้รับการติดต่ออีกเลย ตนเองเคยถามคนที่อยู่ในเหตุการณ์ว่า ทำไมน้องสาวถึงเสียชีวิต หลายคนพูดตรงกันว่าน้องสาวออกมาช้า ส่วนตัวสงสัยทำไมน้องสาวถึงออกมาช้า  ห่วงอะไรถึงไม่รีบออกมาขณะเกิดเหตุไฟไหม้  หรือห่วงเงินของทางร้าน อีกทั้งน้องสาวมีลูก 2 คน รวมถึงเป็นพนักงานประจำร้าน จึงอยากให้เจ้าของเยียวยาค่าดูแลมากกว่านี้

ขณะที่ เรือตรี ภูรี นีน้อย พ่อของนายธนกฤต นีน้อย ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตอนนี้ผ่านมา 1 เดือน 10 วัน คดีไม่มีความคืบหน้า ตำรวจไม่มีการเรียกญาติคนเจ็บหรือญาติผู้เสียชีวิตไปสอบปากคำหรือให้ข้อมูล จนรู้สึกว่าคดีเงียบเกินไป อีกทั้งหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ไม่มีการเหลียวแลกลุ่มผู้เสียหาย ว่าต้องการอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ส่วนตัวเชื่อว่าผู้เสียหายต้องได้รับการดูแลมากกว่านี้ อีกทั้งเชื่อว่าเทศบาล อำเภอ และตำรวจ มีส่วนเกี่ยวข้องในการให้เปิดผับแห่งนี้ จนเกิดโศกนาฏกรรม มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว จึงเรียกร้องให้หน่วยต่าง ๆ ในพื้นที่ มีความรับผิดชอบในการดูแลเหยื่อมากกว่านี้

ด้าน นายชำนาญ​ ชื่น​เพ็ชร​ พ่อของ​ น.ส​ ศิลป์​ศุภา​ ชื่น​เพ็ชร​ นิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิต หนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บ เปิดเผยถึงเรื่องการเยียวยาว่า ยังไม่มีความจริงใจ เจ้าของจ่ายในลักษณะเบี้ยหัวแตก โทรไปหาแต่ละครั้งถึงจะยอมโอนเงินมาให้ ครั้งละ 1 - 2 หมื่น ลูกสาวนอนโรงพยาบาลมา 1 เดือน อีก 3 วัน ต้องผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อขาที่แขนและแผ่นหลัง ถือว่าสาหัส แต่พอโทรไปหาเจ้าของกลับบอกว่าไม่สาหัส ตนเองจึงมองว่าเจ้าของไม่มีความจริงใจในการเยียวยา จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการกับเจ้าของ ให้ดูแลกลุ่มผู้เสียหายมากว่านี้

เอกชัย สุขวัฒนะ , ทิวากร กฤษมณี สำนักข่าวเนชั่น จ.ชลบุรี รายงาน