svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

"ลุฟท์ฮันซ่า"ยกเลิก 800 ไฟลท์หลังนักบินนัดหยุดงาน กระทบผู้โดยสารนับแสน

02 กันยายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สายการบิน "ลุฟท์ฮันซ่า" จำต้องยกเลิกเที่ยวบินร่วม 800 เส้นทาง หลังนักบินประท้วงนัดหยุดงานเพื่อต่อรองเงินเดือน-สวัสดิการ ส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารนับแสนราย

เว็บไซต์ ฐานเศรษฐกิจ รายงานว่า "ลุฟท์ฮันซ่า" สายการบินชื่อดังของเยอรมัน เผยว่าสายการบินจำเป็นจะต้องยกเลิกเที่ยวบินเกือบทั้งหมดของวันที่ 2 ก.ย. ในฐานการบินที่สนามบินมิวนิค และสนามบินแฟรงค์เฟิร์ต รวมทั้งสิ้นราว 800 เที่ยวบิน และจะส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารราว 130,000 คน เนื่องจากบรรดานักบินประท้วงนัดหยุดงาน หลังไม่สามารถตกลงเรื่องค่าจ้างและสวัสดิการกับทางสายการบินได้


Aerotime สื่อแวดวงการบินรายงานว่า นักบินของ Lufthansa ได้เตรียมหยุดงานตลอดทั้งวันในวันที่ 2 กันยายนนี้ เพื่อผลักดันข้อเสนอการจ่ายเงินตอบแทนที่ดีขึ้นจากบริษัท โดยจะเริ่มตั้งแต่เวลา 00:01 น. ถึง 23:59 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งการประท้วงนี้จะรวมถึงการหยุดงานนักบินของ Lufthansa Cargo ด้วย

"ลุฟท์ฮันซ่า"ยกเลิก 800 ไฟลท์หลังนักบินนัดหยุดงาน กระทบผู้โดยสารนับแสน

ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ภาคพื้นได้มีการนัดหยุดงานมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินเกือบทั้งหมด


มัตธีอัส ไบเออร์ โฆษกสหภาพนักบิน กล่าวในแถลงการณ์ว่า การตัดสินใจนัดหยุดงานเกิดขึ้นหลังจากการเจรจากับฝ่ายบริหารล้มเหลวอีกรอบ 


“เราไม่ได้รับข้อเสนอที่ดีเพียงพอ มันเป็นโอกาสที่สูญเปล่า แนวทางเดียวที่เหลืออยู่สำหรับเราคือการผลักดันความต้องการของเราด้วยการดำเนินการด้านแรงงาน” โฆษกสหภาพนักบิน กล่าว

"ลุฟท์ฮันซ่า"ยกเลิก 800 ไฟลท์หลังนักบินนัดหยุดงาน กระทบผู้โดยสารนับแสน

ด้าน มิชาเอล นิกก์มันน์ หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลของ ลุฟท์ฮันซ่า กล่าวว่า บริษัทได้ยื่นข้อเสนอที่ "ดีมาก" ต่อสหภาพนักบิน ซึ่งรวมถึงการเพิ่มเงินเดือนขั้นพื้นฐานอีก 900 ยูโรต่อเดือน จำนวน 2 ครั้งต่อปี ซึ่งจะส่งผลให้นักบินผู้ช่วยได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้นประมาณ 18% ในขณะที่กัปตันจะเพิ่มขึ้น 5%


ขณะที่ข้อเรียกร้องของสหภาพนักบินที่ต้องการเพิ่มค่าจ้าง 2 ครั้งต่อปี ค่าจ้างพื้นฐานที่สูงขึ้น และค่าจ้างที่สูงขึ้นสำหรับในวันหยุด การฝึกอบรม และวันลาป่วย จะทำให้ต้นทุนด้านนักบินของสายการบิน Lufthansa เพิ่มขึ้นประมาณ 2.2 ล้านยูโร หรือประมาณ 40% ในอีกสองปีข้างหน้า

 

ที่มา: ฐานเศรษฐกิจ

logoline