ผอ.โรงเรียนดังหาดใหญ่ แจงเอารถหลวงไปใช้รับส่งเพื่อนตีกอล์ฟ ยันไม่จริง
ผอ.โรงเรียนดังหาดใหญ่ แจงเอารถหลวงไปใช้รับส่งเพื่อนตีกอล์ฟ ยันข้อเท็จจริงไม่เป็นไปตามที่เพจดังโพสต์ และมีการนำไปใช้มีการทำหนังสือตามระเบียบราชการ
เป็นประเด็นที่ผู้คนในสังคมให้ความสนใจและวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก กรณีที่วันนี้ (30 ส.ค.) เพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน มีการออกมาแฉ พฤติกรรมการของข้าราชการนำรถหลวงของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา ไปใช้ส่วนตัวคอยไปรับส่งเพื่อน ผอ. ที่สนามกอล์ฟ พร้อมมีการกางคำพิพากษาเก่า “นำรถราชการไปใช้ส่วนตัว” มีความผิดติดคุกยาว (อ่านข่าว)
ล่าสุด ดร.อุดม ชูลีวรรณ ผู้อำนวยการโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย หรือ ญ.ว. ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงเรียนชื่อดังของ จ.สงขลา ได้ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า โดยปฏิเสธว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง พร้อมกับเล่าที่มาที่ไปของการใช้รถตู้ไปที่รับส่งที่สนามกอล์ฟว่า ทาง ผอ.โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย ซึ่งอยู่ที่ จ.ลำปาง ได้ทำหนังสือการขอใช้รถอย่างเป็นทางการตามระเบียบราชการ มาขอความอนุเคราะห์ในการใช้รถรับส่งครูของโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย ซึ่งเป็นตัวแทนนักกีฬากอล์ฟของ จ.ลำปาง มาแข่งกีฬาอาวุโสที่ จ.สงขลา ซึ่งตนก็ตอบตกลงไป
และคุณครูท่านนี้เดินทางมาถึงสนามบินหาดใหญ่ เมื่อช่วง 2 ทุ่ม ของคืนวันที่ 22 ส.ค. ที่ผ่านมา และในวันที่ 23 ส.ค. ทางโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย ก็มีหนังสือมาให้ช่วยกรุณาไปรับส่งคุณครูท่านนี้อีก 1 วัน พร้อมกับส่งบัตรข้าราชการครูมาให้ดูด้วย และยืนยันว่า ที่สื่อโซเชี่ยลไปลงว่า เป็นเพื่อนของตนนั้น ไม่เป็นความจริง คุณครูท่านนี้ไม่ได้เป็นเพื่อนกับตน เพียงแต่ตนรู้จักกับ ผอ.โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย อีกทีเท่านั้นเอง
สำหรับเรื่องนี้เริ่มต้นมาจาก ทางโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย จ.ลำปาง ขอความอนุเคราะห์ในการใช้รถ เพื่อรับส่งนักกีฬาตัวแทน จ.ลำปาง และเป็นคุณครูของโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย และมีหนังสือที่เป็นไปตามระบบราชการถูกต้องทุกขั้นตอน
ผอ.โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ยังกล่าวอีกว่า ทางโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย ยังเป็นโรงเรียนเครือข่ายพัฒนาคุณภาพพิเศษร่วมกับโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย และโรงเรียนอีก 12 แห่ง ทั่วประเทศ และวันนี้ก็มาทำ MOU ในเรื่องของการพัฒนาคุณภาพของโรงเรียน และยังย้ำอีกว่า เรื่องที่สื่อโซเชียลระบุว่า มีการนำรถตู้ของโรงเรียนไปรับส่งเพื่อน ผอ. นั้น ไม่เป็นความจริงตามที่ได้ชี้แจ้งข้อเท็จจริงให้ทราบ
รวมทั้งฝากไปยังสื่อโซเชี่ยลว่า การที่จะนำเรื่องใดไปลงนั้น ควรที่จะมีการตรวจสอบข้อมูลจากอีกฝ่ายก่อนว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรกันแน่ เพราะ หากนำไปข้อมูลไปลงข้างเดียว จะกระทบกับองค์กร หรือตัวบุคคล อย่างเช่นที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
