จากกรณีนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่ามีคุณยายชื่อนางสวาท สิทธิปัญญา วัย อายุ78 ปี อาศัยอยู่ พฤกษา10 ต.ไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ถูกหลานชาย และหลานสะใภ้อายุ 50 ปี ทำร้ายร่างกายและจิตใจ ทารุณเป็นประจำ ซึ่งยายมีลูกสาวและครอบครัวอยู่ต่างประเทศ ทางลูกสาวได้ส่งเงินเป็นค่าเลี้ยงดูให้เดือนละ 15,000 บาท และให้รถยนต์อีก 1 ไว้พาคุณยายออกไปข้างนอก ซึ่งคนในระแวกใกล้เคียงพบว่าคุณยายอยู่แต่ในบ้าน และถูกหลานสะใภ้ดุด่าด้วยคำหยาบคายและทุบตีทั้งเช้าและเย็น พลเมืองดีจึงร้องขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อให้พาคุณยายไปอยู่ที่อื่นหรือให้ลูกสาวกลับมารับคุณยายไปดูแลต่อ
ล่าสุด (28 ส.ค.65) ทางด้านนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ร่วมกับ น.ส.บุณยวีร์ ลุมาดกมลพันธุ์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) และบ้านพักเด็ก ได้ประสานงานกับทาง พ.ต.อ.สมชาย ขำสัจจา ผกก.สภ.ไทรน้อย นนทบุรี ทำการประชุมร่วมกันและเดินทางไปบ้านที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ความช่วยเหลือคุณยาย
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าลูกสะใภ้อยู่กับคุณยายภายในบ้าน เป็นโรคอัลไซเมอร์ และหูไม่ดี ซึ่งคุณยายพูดไม่รู้เรื่อง แต่จากที่ตรวจสอบดูร่างกายของคุณยายเบื้องต้น มีรอยฝกช้ำหลายจุด แต่บริเวณแขนขวา และปลายนิ้ว มีรอยช้ำชัดเจน ทางหน่วยงานจึงนำตัวคุณยายออกจากบ้านเพื่อพาไปที่โรงพยาบาลไทรน้อยและตรวจร่างกายว่ารอยเกิดจากอะไร
นางปวีณา กล่าวว่า ตนได้รับแจ้งว่ามียายวัย 78 ปี ถูกหลายชาย และหลานสะใภ้ดุด่า และทำร้ายร่างกาย วันนี้จึงเดินทางมาที่ สภ.ไทรน้อย เพื่อประชุมร่วมกันทุกหน่วยงานเพื่อหาวิธีช่วยเหลือคุณยาย ในวันนี้ พลเมืองดีก็เดินทางมาร่วมด้วย ซึ่งลูกสาวอยู่ต่างประเทศได้มีการโทรติดต่อคุยกับตนแล้วได้ทำความเข้าใจแล้ว ทางตนได้รับความยินยอมจากญาติเรียบร้อยแล้วที่จะได้ไปตรวจร่างกายคุณยายต่อ สรุปว่าจะให้คุณยายอยู่ในความดูแลของ พมจ. และต้องดูรอยตามตัวคุณยาย ซึ่งหลานสะใภ้บอกว่าตัวเองเป็นคนเสียงดัง แต่ตนมีคลิปเสียงของการดุด่าและทุบตี ตอนที่เจอคุณยายไม่พูดอะไร แต่ได้มีการทักทายกัน ต้องขอเวลาอีกสักพักอพื่อรอผลตรวจ ถ้าคุณยายถูกทำร้ายจริงจะให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ส่วนการคุ้มครองจะให้ทาง พมจ.ดูแลต่อ
ทางด้านพ.ต.อ.สมชาย กล่าวว่า ทางกระบวนการจะต้องให้ทางคุณยายเข้าแจ้งความก่อน และแยกตัวออกมา จะต้องเชิญคนที่ดูแลคุณยายมาสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อสอบถาม ถ้าเข้าไปตรวจสอบและเจอตอนคุณยายถูกทำร้ายสามารถจับกุมได้ทันที และจะส่งคุณยายไปตรวจที่ โรงพยาบาลเพิ่มเติม ต่อไปจะให้ทาง เจ้าหน้าที่ พม.ตรวจสอบ ในส่วนเรื่องคดีจะต้องรอการตรวจสอบ จะเข้ากฏหมายการกระทำทารุณในครอบครัว
เบื้องต้น ทางหลานสะใภ้ยืนยันกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าไม่ได้ทุบตีคุณยายยอมรับว่า ตัวเองเป็นคนเสียงดัง
ล่าสุดเมื่อเวลา 14.30น. ที่สภ.ไทรน้อย หลานชายของคุณยายวัย 78 ปี มีอาชีพขับรถแท๊กซี่ตามภรรยาเข้าไปสอบปากคำเพิ่มเติม กับกรณีดังกล่าว ซึ่งหลานชายเข้ามาด้วยท่าทางฉุนเฉียว และด่าพลเมืองดีที่เข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตครอบครัว พร้อมสาปแช่งด้วยความโมโหที่ทำครอบครัวมีปัญหา ทางหลานชายยืนยันความบริสุทธิ์ใจไม่เคยทำร้ายร่างกาย พร้อมให้ไปตรวจร่างกาย
หลานชายยายวัย 7 8ปี กล่าวว่า ตนขอยืนยันว่าไม่มีการทำร้ายร่างกายใดๆทั้งสิ้น เพราะคุณยายคืออาแท้ๆของตน แต่ภรรยาตนเป็นคนเสียงดังเพราะอาหูไม่ดี ตนและภรรยาไม่เคยตบตีคุณอาแต่สักครั้ง ตนยินยอมให้ตรวจร่างกาย ซึ่งตนดูแลคุณอาอย่างดี ตนไม่เคยไปยุ่งหรือก้าวก่ายครอบครัวของใคร ตนขับแท๊กซี่ก็จะกลับบ้านมาพักตามปกตื แต่ตอนนี้ตนโกธรมาก เพราะมีคนเข้ามาเสือกยุ่งวุ่นวายกับชีวิตครอบครัวของตน ตนขอให้คนที่เข้ามาเสือกเจอแต่ความให้ชิบหาย เพราะตนดูแลอาดีที่สุดแล้ว ตนอยากจะให้ทางมูลนิธิเอาคุณอาไปดูแลสัก 1 เดือน จะได้รู้ว่าคุณอาเป็นคนยังไง จะอุจระและปัสสวะเรี่ยราด ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ตนจึงมีหน้าที่ดูแลเพราะหมอบอกว่าคุณอามีโอกาศจะติดเตียง ซึ่งตนก็ได้ค่าจ้างจากลูกสาวของคุณอาเดือนละ 15,000บาท และพาคุณอาออกไปเที่ยวบ่อยครั้ง แต่ตอนนี้ตนเจ็บใจมากที่มีคนมายุ่งกับชีวิตตน