"สาวขนส่ง" ให้ปากคำเพิ่ม มาเฟียสายใต้ตบหน้า ปมคำเตือนผิดระเบียบ

วันที่ 23 สิงหาคม 2565 เวลา 11.00 น. น.ส.เอ (นามสมุมติ) อายุ 48 ปี พนักงานของ บริษัท ขนส่ง จำกัด พร้อมทนายความ เดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม กับพนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน จากกรณีมาเฟียทำร้ายร่างกาย เหตุเกิดบริเวณ ท่ารถตู้ สถานีขนส่งสายใต้เก่า ย่านปิ่นเกล้า เมื่อเวลา 15.00 น.ของวันที่ 18 สิงหาคม ที่ผ่านมา 

นางสาวเอ ระบุว่า ตนมีหน้าที่ดูแลพื้นที่รอบสถานี ก่อนเกิดเหตุ ขณะปฎิบัติหน้าที่ มีจักรยานยนต์วิ่งเข้ามาในเลนของรถตู้ประจำทาง ซึ่งเป็นจุดรับผู้โดยสาร จึงเข้าไปตักเตือนและทำหนังสือรายงานไปยังผู้บังคับบัญชา เพราะเป็นการผิดระเบียบที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ 

กระทั่ง วันเกิดเหตุ ชายวัย 60 ปี ซึ่งเป็นผู้เช่าช่วงพื้นที่บริเวณดังกล่าว พร้อมชายฉกรรจ์  4 คน เข้ามาด่าทอ ด้วยคำหยาบคาย เพราะไม่พอใจที่ตนทำหนังสือรายงานผู้บังคับบัญชา เรื่อง ขับขี่จักรยานยนเข้าในพื้นที่ ทั้งนี้ ชายวัย 60 ปี ได้เข้าทำร้าย ใช้กำลังด้วยมือและเท้ากว่า 10 ครั้ง ต่อหน้าประชาชนจำนวนมาก ที่เข้ามาใช้บริการ พร้อมพูดจาข่มขู่ไม่ให้ใครเข้ามาช่วยเหลือ 

"คนในเหตุการณ์ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยเหลือ เพราะชายที่ทำร้ายเป็นมาเฟีย มีอิทธิพลในพื้นที่ แม้แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ก็ยังหวาดกลัว"

น.ส.เอ กล่าวว่า ตนไม่กล้าเข้าไปทำงาน หยุดงานมาแล้ว 10 วัน เนื่องจากผู้ก่อเหตุ มีพฤติกรรมที่น่ากลัว และยังอ้างอีกว่ารู้จักผู้ใหญ่หลายคน แม้แต่คนในบริษัทขนส่ง ซึ่งตอนนี้ ตนมีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ ยังไม่ได้รับการดูแลจากต้นสังกัด ตนรู้สึกเสียใจ เพราะที่ผ่านมา ตนตั้งใจทำงานปฎิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอย่างตรงไปตรงมาและเต็มที่ จึงอยากเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเอง

พนักงานสาว ประจำขนส่งสายใต้ เก่า ระบุถึงการเดินทางมายัง สน.บางยี่ขันว่า วันนี้ พนักงานสอบสวน นัดมาเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม และจะมีการไกล่เกลี่ยเรียกร้องค่าเสียหายกับคู่กรณี ซึ่งทราบว่า ขณะนี้ คู่กรณี เข้าพบตำรวจเรียบร้อยแล้ว 

ภายหลังให้ปากคำ พนักงานสาว ประจำขนส่งสายใต้ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า  ตนขอเดินหน้าดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ แล้วปล่อยให้การเจรจาไกล่เกลี่ย เป็นหน้าที่ของทนายความ พร้อมยังเผยความรู้สึกอึดอัดที่มีอยู่ในใจว่า ขณะนี้ต้นสังกัด ยังไม่มีการติดต่อมาเพื่อดำเนินการช่วยเหลือเลย แม้กระทั่งการจัดหาทนายความ ตนก็ดำเนินการหามาด้วยตัวเอง

ด้าน นายอุเชน อนิกร หรือลุงหลอ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหา ก่อเหตุในครั้ง ระบุ ว่า สาเหตุที่ตนต้องลงมือกับพนักงานสาว รายนี้ เพราะบันดาลโทสะที่ถูกผู้เสียหายขัดขวางการประกอบอาชีพ ทั้งที่ตนเป็นผู้เช่าพื้นที่ในสถานีขนส่ง เพื่อเปิดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ในบางครั้งต้องมีการนำเครื่องดื่มหลายลังเข้าไปสต๊อกไว้ที่ร้านแต่กลับถูกปิดกั้น จึงไม่สามารถนำรถเข้าไปขนถ่ายสินค้า  

ตนพยายามทำหนังสือขอกำหนดช่วงเวลา หรือกำหนดป้ายทะเบียนรถที่ใช้เข้าออกเพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอน แต่ก็ถูกปฏิเสธเรื่อยมา ทั้งที่ ตนเป็นผู้เช่ากับทางบริษัทขนส่ง ยาวนานกว่า 10 ปี ตั้งแต่มีที่ตั้งอยู่ 3 แยกไฟฉาย ก็ไม่เคยมีปัญหา ทุกคนในพื้นที่ทราบกันดี รวมถึงตัวผู้เสียหายเองก็รู้จักกัน ไม่เคยมีปัญหามาก่อนหน้านี้ แต่ช่วงวันเกิดเหตุ มีความพยายามกีดกันไม่ให้ตนเข้าพื้นที่ ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร

นายอุเชน กล่าวยืนยันว่า ตนไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลหรือมาเฟียในพื้นที่ แต่เป็นคนค้าขาย มานาน 10 ปี หลายคนรู้จักและเกรงใจ ซึ่งตนก็ไม่เคยเบียดเบียนใคร สุดท้ายนี้ อยากขอให้ทางขนส่งออกมาช่วยจัดการแก้ปัญหานี้