svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

“ดร.กอบศักดิ์”คาด เฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า5%เป็นอย่างน้อย

20 สิงหาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

“ดร.กอบศักดิ์” ระบุ ธนาคารกลางประเทศต่างๆ ก็จะเริ่มเหยียบเบรค โดยขึ้นดอกเบี้ยทะลุ 2-3% ขึ้นไปอีกระดับ ส่วนจะต้องไปไกลแค่ไหนนั้น ก็ขึ้นกับว่า เศรษฐกิจหรือรถนั้น วิ่งเร็วแค่ไหน ความเสี่ยงข้างหน้าเป็นอย่างไร กรณีเฟดต้องขึ้นไปสูงมากกว่า 5% เป็นอย่างน้อย

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุถึง ยุคดอกเบี้ยขาขึ้น.... จะขึ้นกันไปถึงไหน !!! 

โดยมีเนื้อหาระบุไว้ว่า

 

ช่วงนี้ ธนาคารกลางประเทศต่างๆ กำลังขมักเขม้นกับการขึ้นดอกเบี้ย บางประเทศขึ้นทีละ 1% 2% บางประเทศ 0.25% 0.5% แบงค์ชาติไทย ก็ไม่น้อยหน้า ขึ้นดอกเบี้ยไป 0.25% เมื่อประมาณ 10 วันที่แล้ว

วันนี้ อยากเล่าให้ฟังถึงกรอบในการคิดว่าธนาคารกลางเขาคิดเรื่องนี้อย่างไร ยุคดอกเบี้ยขาขึ้นจะไปจบตรงไหน

มาเริ่มกันที่แนวคิด ต้องเข้าใจว่า การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ก็เหมือน การขับรถ มีช้า มีเร็ว มีขึ้นเขา มีลงเขามีเข้าโค้ง คดเคี้ยว ไปมา ผู้ขับต้องรู้อยู่ตลอดเวลาว่า กำลังอยู่ตรงจุดไหน

ดอกเบี้ยเป็นเหมือน “คันเร่ง” และ “เบรค” ในตัว เมื่อเศรษฐกิจไม่ดีหรือดูท่าจะไม่ดี กำลังจะต้องไต่เขา ธนาคารกลางก็จะเหยียบคันเร่ง โดยลดดอกเบี้ยเพื่อให้เศรษฐกิจนั้น สามารถก้าวข้ามช่วงเขาชันนี้ไปให้ได้

“ดร.กอบศักดิ์”คาด เฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า5%เป็นอย่างน้อย

 

เมื่อมาถึงที่ราบพอจะวิ่งไปได้เอง ก็สามารถผ่อนคันเร่ง กลับสู่ปกติ  เศรษฐกิจก็เช่นกัน เมื่อเริ่มฟื้นตัวธนาคารกลางก็สามารถค่อยๆ ผ่อนคันเร่ง โดยค่อยๆ ปรับขึ้นดอกเบี้ย กะเวลาให้ดี เพื่อให้พอเศรษฐกิจเริ่มไปได้ดีด้วยตนเอง 

ดอกเบี้ยก็จะขึ้นมาอยู่ที่ “ระดับเหมาะสม”  ไม่เร่ง ไม่ชะลอเศรษฐกิจอีกต่อไป ระดับนี้ เรียกว่า “Neutral Zone” ในสหรัฐและหลายๆ ประเทศอยู่ที่ประมาณ 2-3%

จุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งจะอยู่ที่ ตอนรถไปได้ฉิ่วและเริ่มลงเขา ถ้าอยู่เฉย ปล่อยไป ไม่แหกโค้ง ก็ตกเหว 

ธนาคารกลางประเทศต่างๆ ก็จะเริ่มเหยียบเบรค โดยขึ้นดอกเบี้ยทะลุ 2-3% ขึ้นไปอีกระดับ ส่วนจะต้องไปไกลแค่ไหนนั้น ก็ขึ้นกับว่า เศรษฐกิจหรือรถนั้นวิ่งเร็วแค่ไหน ความเสี่ยงข้างหน้าเป็นอย่างไร 

ถ้าอย่างกรณีของสหรัฐฯ คงต้องบอกว่า รถของเขาวิ่งมาเร็วมาก ทางลงลาดชันมาก จากตลาดแรงงานที่ตึงตัวเป็นพิเศษ และเงินเฟ้อที่พุ่งเป็นประวัติการณ์

เฟดคงต้องเหยียบเบรคแบบเน้นๆ ทำให้ดอกเบี้ยต้องขึ้นไปสูงมากกว่า 5% เป็นอย่างน้อย เพื่อเอารถที่วิ่งเร็ว ให้ชะลอลงมาผ่านเข้าโค้งให้ได้ ซึ่งในอดีต เฟดเคยต้องเหยียบเบรคแรงๆ ขึ้นดอกเบี้ยไปหลายครั้ง 

5.25% ในปี 2006 ช่วงคุณ Bernanke

6.5% ในปี 2000 ช่วงคุณ Greenspan

มากกว่า 15% ในปี 1981 ช่วงคุณ Volcker

สำหรับในรอบนี้ จากที่รายงานการประชุมเฟดล่าสุดบอกว่า Inflation would likely stay uncomfortably high for some time เงินเฟ้อจะค้างอยู่ในระดับสูงน่ากังวลใจไประยะเวลาหนึ่ง   

นัยยะก็คือ เฟดก็คงต้องขึ้นดอกเบี้ยไปอีกพอสมควร ที่ตลาดฝันหวานไว้ว่า 3.66% ก็น่าจะจบรอบ แล้วลงได้ในไตรมาส 2 ปีหน้า ก็คงยากจะเป็นไปได้

ซึ่งมีนัยยะต่อไปว่า ตลาดยังคงต้องรับข่าว ยังต้องปรับตัวหลายกันอีกรอบ ที่นักลงทุนไปคิดว่า “เฟดจะมืออ่อน” นั้น คิดเข้าข้างตนเองไปเองทั้งนั้น !!!

“ดร.กอบศักดิ์”คาด เฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า5%เป็นอย่างน้อย ล่าสุด 

ประธานเฟดสาขา St. Louis คุณ Bullard บอกว่า 

“We should continue to move expeditiously to a level of the policy rate that will put significant downward pressure on inflation” and “I don’t really see why you want to drag out interest rate increases into next year,” เรายังต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยไประดับที่จะช่วยกดเงินเฟ้อลงมา 

ที่สำคัญเราจะไปรอขึ้นดอกปีหน้าทำไม ขึ้นมันปีนี้น่าจะดีกว่า 

โดย คุณ Bullard อยากขึ้นอีก +0.75% ในการประชุมเฟดครั้งหน้า ขณะที่กรรมการบางคนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่จะออกมาใน 1 เดือนข้างหน้าก่อนที่จะตัดสินใจระหว่าง +0.75% และ +0.5%  

นอกจากนี้ สัปดาห์หน้าจะมีสุนทรพจน์ของท่านประธานเฟดที่ Jackson Hole ซึ่งเป็นสัมมนาประจำปีครั้งสำคัญสุดของเฟด 

ที่ท่านประธานจะออกมาวางกรอบการทำงานเฟดไปสู่อนาคต ทุกสายตาก็ยิ่งจับจ้อง และหนักใจ ว่าท่านประธานเฟดจะพูดว่าอะไร

ตลาดก็เริ่มเข่าอ่อน เตรียมรับโค้งสำคัญนี้อีกครั้งทั้งคริปโต หุ้น ทองคำ ค่าเงิน สินทรัพย์ต่างๆ ที่ดีขึ้นมาบ้าง ก็เริ่มปรับตัวอีกครั้ง

ส่วนดอกเบี้ยนโยบายของไทยนั้น หลายคนถามว่า “จะขึ้นไปถึงไหน” เช่นกัน ก็คงต้องบอกว่า รถเราวิ่งเฉื่อยกว่าเขาเยอะ โตได้น้อยสุดในอาเซียน คนยังตกงานอีกเพียบ

 

นอกจากนี้ เงินเฟ้อพื้นฐานของเราอยู่ที่เพียง 2.99% หมายความว่า ความเสี่ยงข้างหน้าของเราน้อยกว่าทางลาดชันน้อยกว่า หากเป็นเช่นนี้ แบงค์ชาติคงขึ้นดอกเบี้ยไปที่ 1.25% ในช่วงปลายปีนี้ก่อน แล้วก็ค่อยๆ ขยับขึ้นไปที่ Neutral Zone 2-3% ในช่วงถัดไป 

ซึ่งจากที่รถเราวิ่งช้ากว่าคนอื่น ทางเราลาดชันน้อยกว่า หมายความว่า เรายังสามารถคอยดูว่าปีหน้าโลกจะเป็นอย่างไร

จะมี Global Recessions ที่แรง กว้างขวาง และกระทบเราแค่ไหน พอถึงจุดนั้น ก็ยังสามารถตัดสินใจกันอีกที :)

ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนครับ

logoline