พายุฝนกระหน่ำและลมกระโชกแรงสร้างความเสียหายอย่างหนักบนเกาะคอร์ซิกาของฝรั่งเศส นครเวนิสและแคว้นทัสคานีของอิตาลี และในออสเตรีย และทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมอย่างน้อย 13 ราย ซึ่งมีเด็กรวมอยู่ด้วย 3 คน โดยส่วนใหญ่เสียชีวิตเพราะถูกต้นไม้ล้มทับ
บนเกาะคอร์ซิกาในทะเลเมดิเตอเรเนีย ที่เป็นดินแดนของฝรั่งเศส เผชิญกลมพายุที่มีความเร็วถึง 224 กม./ชม. ทำให้ต้นไม้หักโค่นและที่พักสไตล์แคมป์ได้รับความเสียหาย มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย และอีกราว 13,000 คนได้รับการอพยพออกจากแคมป์ที่พักหลายแห่งทั่วเกาะ ผู้ประสบภัยบางคน บอกว่า พายุเกิดขึ้นอย่างคาดไม่ถึง และไม่มีคำเตือนใดๆ รวมทั้งไม่เคยเจอพายุลูกใหญ่อย่างนี้มาก่อน
ส่วนในอิตาลีมีพายุพัดถล่มนครเวนิส ทำให้ร่มและเก้าอี้ของคาเฟที่ตั้งอยู่รอบจตุรัสเซนต์มาร์กล้มระเนระนาด และอิฐจากหอระฆังร่วงลงมา และรีสอร์ตชายทะเลในแคว้นทัสคานีและแคว้นลิกูเรียได้รับความเสียหายจากพายุด้วยเช่นกัน รวมถึงมีผู้เสียชีวิต 2 รายในทัสคานี
ขณะที่ในออสเตรียมีรายงานผู้เสียชีวิตจากพายุอย่างน้อย 5 ราย
พายุฝนครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากหลายชาติทั่วยุโรปประสบกับคลื่นความร้อนและภัยแล้งรุนแรง และไฟป่าครั้งเลวร้ายนานหลายสัปดาห์ ซึ่งเชื่อว่าเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน