วันนี้ในอดีต รำลึก 7 ปี เหตุวางระเบิดแยกราชประสงค์ ไทย - เทศ ล้มตายจำนวนมาก

วันนี้เมื่อ 7 ปี ที่แล้ว หรือในวันที่  17 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ได้เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งใหญ่ในกรุงเทพมหานครอีกครั้ง มีผู้เสียชีวิตมากถึง 20 คน บาดเจ็บ 163 คน เมื่อจู่ ๆ ในช่วงเย็น เวลา 18.55 น. ได้มีเสียงระเบิดดังขึ้น ที่บริเวณศาลท้าวมหาพรหม โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ สร้างความโกลาหลและเรียกหวีดร้องของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ที่ต้องวิ่งหนีตายกันอย่างแตกตื่น

ภายหลังเกิดเหตุ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ขณะนี้ มี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ระบุว่า เป็นระเบิดทีเอ็นทีหนัก 3 กิโลกรัม บรรจุอยู่ในท่อในบริเวณศาลท้าวมหาพรหม มีรัศมีทำลายล้างประมาณ 100 เมตร และในวันต่อมาได้เกิดเหตุคนร้ายปาระเบิดลงมาจากสะพานตากสิน บริเวณท่าเรือสาทร ทำให้เรือที่จอดอยู่บริเวณใกล้เคียงถูกสะเก็ดระเบิดเล็กน้อย แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 

แรงระเบิดครั้งนี้นอกจากจะสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและชีวิตของประชาชนแล้ว ยังสร้างแรงสั่นสะเทือนไปยังรัฐบาล คสช. ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นอย่างมาก และไม่ใช่ครั้งแรกของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ นับตั้งแต่ยึดอำนาจมาในปี 2557

โดยก่อนหน้านั้นในเดือน กุมภาพันธ์ 2558 ได้เกิดระเบิดสองครั้งบริเวณทางเชื่อมรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสยามเหนือแยกราชประสงค์ ในเดือน เมษายน 2558 เกิดเหตุการณ์คาร์บอม ที่ชั้นใต้ดินของศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล สมุย อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีผู้บาดเจ็บนับสิบคน ซึ่งการลอบวางระเบิดเหล่านี้ถูกพุ่งเป้าทันทีว่าเป็น "ระเบิดทางการเมือง" 

และนำมาสู่มาตรการควบคุมป้องกันเหตุอย่างเข้มข้น รวมถึงการจัดตั้ง ”ศูนย์อำนวยการบริหารข้อมูลการส่งกลับและการรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดบริเวณสี่แยกราชประสงค์” ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน เพื่อติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุจำนวนหลายราย ท่ามกลางสารพัดข่าวลือว่า เป็นฝีมือของกลุ่มต่าง ๆ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ

ก่อนที่ภายหลังจะมีการสรุปว่า เป็นฝีมือของ "ผู้เสียประโยชน์ในการค้ามนุษย์" แต่นี้ไม่ใช่การตอบโต้ไทยที่ส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ให้จีน มีออกหมายจับผู้ต้องสงสัยทั้งหมด 17 คน แต่จับกุมได้เพียง 3 คน

คือ อาเดม คาราดัก หรือ บิลาเติร์ก มูฮัมหมัด ถูกจับที่อพาร์ตเมนต์ย่านหนองจอก เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2558 และ ไมไรลี ยูซุฟู ซึ่งถูกจับที่พรมแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว ในเดือน ก.ย. 2558 หลังจากนั้นอีก 2 ปี ตำรวจจับกุม นางวรรณา สวนสันต์ หรือ "ไมซาเราะ" ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2560 ในข้อหาร่วมกับสามีชาวตุรกีเป็นผู้เช่าห้องพักให้ผู้ก่อเหตุใช้เป็นที่พักพิง  

ทั้ง 3 คนถูกดำเนินคดีที่ศาลทหารกรุงเทพ เนื่องจากเหตุการณ์เกิดขึ้นในยุคของรัฐบาล คสช. ก่อนที่คดีจะถูกโอนมายังศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อเดือน พ.ย. 2562  ซึ่งระหว่างการพิจารณาคดีในศาลทหาร อาเด็มและ ยูซุฟู ถูกควบคุมตัวที่เรือนจำ มทบ.11 ถ.นครไชยศรี จนเมื่อกลางปี 2562 ถูกย้ายมาคุมขังที่เรือนจำชั่วคราวแขวงทุ่งสองห้อง ซึ่งเป็นเรือนจำที่ตั้งขึ้นใหม่ สังกัดเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ใช้เป็นที่ควบคุมผู้ต้องขังคดีความมั่นคง