ศาลมาเลเซียดับฝัน”นาจิบ” ยื้อเวลาอุทธรณ์คดีทุจริต

คณะผู้พิพากษา 5 คนของศาลสูงสุดมาเลเซียมีคำตัดสินในวันนี้ (16 ส.ค.) ไม่รับคำร้องขอของอดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัก ที่ต้องการเสนอหลักฐานใหม่ในการต่อสู้ข้อกล่าวหาคดีทุจริตที่เกี่ยวข้องกับบริษัท เอสอาร์ซี อินเตอร์แนชันแนล โดยระบุว่า ไม่ใช่หลักฐานใหม่และไม่เกี่ยวกับข้อกล่าวหาในคดี

นอกจากนี้คณะผู้พิพากษายังปฏิเสธคำขอที่ต้องการให้เลื่อนเวลาการไต่สวนอุทธรณ์คดีออกไป 3-4 เดือน โดยหัวหน้าคณะผู้พิพากษา บอกว่า คำอ้างว่า ยังเตรียมตัวไม่พร้อมเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ และสั่งให้เริ่มการไต่สวนอุทธรณ์ตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค.

อดีตผู้นำวัย 69 ปี กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังทราบคำตัดสินว่า รู้สึกตกใจและผิดหวัง แต่ยังหวังว่า ในที่สุดเขาจะพ้นผิด

การตัดสินใจของศาลทำลายความหวังของนาจิบ ที่ต้องการให้มีการพิจารณาคดีใหม่ หรือ พลิกคำตัดสินของศาลชั้นต้นที่สั่งลงโทษจำคุกเขานาน 12 ปีและปรับอีก 210 ล้านริงกิต สำหรับการยักยอกเงินจากบริษัทเอสอาร์ซี อินเตอร์แนชันแนล 42 ล้านริงกิต

ศาลชั้นต้นมีคำตัดสินเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2563 ว่า นาจิบมีความผิดใน 7 ข้อหา ซึ่งรวมถึง การละเมิดต่อหน้าที่ ฟอกเงิน และใช้อำนาจในทางมิชอบ จากการยักยอกเงินบริษัท เอสอาร์ซี และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนทั้งความผิดและบทลงโทษตามศาลชั้นต้น

ที่ผ่านมาเขายืนยันว่าไม่ได้กระทำความผิดหลายข้อหารวมหลายสิบกระทงเกี่ยวกับการยักยอกทรัพย์ 4,500 ล้านดอลลาร์จากกองทุนพัฒนาวันมาเลเซีย หรือ กองทุนวันเอ็มดีบี ซึ่งเป็นกองทุนของรัฐที่เขาร่วมก่อตั้งสมัยเป็นนายกรัฐมนตรีในปี 2552 และ เอสอาร์ซี อินเตอร์แนชันแนล เคยเป็นบริษัทในเครือของวันเอ็มดีบี คดีอื้อฉาวครั้งมโหฬารนี้พัวพันเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคน และสถาบันการเงินหลายแห่งทั่วโลก