กลับมาเป็นข่าวใหญ่อีกครั้ง ภายหลังมีเอกสารจากสำนักงานอัยการสูงสุด ส่งถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ลงนามในความเห็นสั่งฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร และพวกรวม 4 คน หนึ่งในนั้นเป็นข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน คือ นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ “บิลลี่” ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น (อ่านรายละเอียด)
อย่างไรก็ตาม หากเอ่ยถึง “ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” ถือเป็นชื่อที่คุ้นหูของสังคมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเคยตกเป็นข่าว หรือเกี่ยวข้องกับข่าวดังๆ มากมาย วันนี้ ทีมข่าวเนชั่นออนไลน์จะพาย้อนไปทำความรู้จักเขาอีกสักครั้ง เหตุใดอยู่ดีๆ จากวีรบุรุษแก่งกระจาน กลายเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าคนโดยไตร่ตรองไว้ก่อนได้อย่างไร
สำหรับ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ชื่อเล่นว่า อี่ เป็น ชาว อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เกิดเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2507 จบมัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนท่ายางวิทยา ปริญญาตรี วิทยาศาสตร์บัณฑิต การจัดการทรัพยากรป่าไม้ ปริญญาโท วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต การบริหารทรัพยากรป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ประวัติการทำงาน
ชีวิตการทำงานของนายชัยวัฒน์ เคยรับผิดชอบโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพพื้นที่เขานางพันธุรัต อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เคยเป็นหัวหน้าวนอุทยานชะอำ ก่อนจะมารับตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และที่แห่งนี้เองมีเรื่องรางเกิดขึ้นกับเขามากมาย จนทำให้จดจำชื่อ “ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” ได้
ก.ค.2554 ปรากฏชื่อเป็นข่าว หลังนำกำลังเข้ารื้อทำลาย เผาบ้านเรือน และทรัพย์สินของชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอยกว่า 20 ครอบครัว โดยให้เหตุผลว่าผลักดันออกจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เพื่อป้องกันการทำลายป่า
จากนั้น ชื่อของ ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ก็เป็นข่าวโด่งดังไปทั่วประเทศ ด้วยการบุกป่าฝ่าดงเข้าไปช่วยกู้เฮลิคอปเตอร์และผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ทหารตกในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน 3 ลำ เสียชีวิต 17 ราย จนถูกขนานนามว่า "วีรบุรุษแก่งกระจาน" พร้อมเข้ารับมอบประกาศนียบัตรแก่ข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี 2554 จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หลังจากนั้น ไม่กี่เดือน ชัยวัฒน์ก็ตกเป็นจำเลยร่วมในคดีจ้างวานฆ่านายทัศน์กมล โอบอ้อม หรืออาจารย์ป๊อด อดีตผู้สมัครส.ส. พรรคเพื่อไทย จ.เพชรบุรี แกนนำในการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับกลุ่มกะเหรี่ยงบางกลอย ก่อนที่ศาลยกฟ้อง
จากนั้น มีการเปิดเผยข้อมูลของ "ไร่ราชพฤกษ์" บ้านพักส่วนตัว บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ตั้งอยู่ ม.5 บ้านห้วยปลาดุก ต.สองพี่น้อง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ท่ามกลางข้อครหามากมาย เมื่อปี 2554 เจ้าหน้าตำรวจกว่า 100 นาย เข้าตรวจค้น “ไร่ชัยราชพฤกษ์” ของนายชัยวัฒน์ เพื่อคลี่คลายคดีฆาตกรรม นายทัศน์กมล โอบอ้อม พบว่าในบริเวณมีบ้านพักขนาดใหญ่สูง 2 ชั้น ด้านนอกสร้างด้วยอิฐแต่ด้านในสร้างและตกแต่งด้วยไม้หายากแทบทั้งหลัง
ส่วนใหญ่เป็นไม้มะค่าหลากหลายขนาด เฟอร์นิเจอร์ในบ้านทุกชิ้นเป็นไม้ราคาแพง ภายในบริเวณยังมีสระน้ำขนาดใหญ่ น้ำตกเทียม และบ้านพักอีกหลายหลัง โดยไม้ที่นำมาสร้างและตกแต่งบ้าน เจ้าหน้าที่ถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานเพื่อนำไปตรวจสอบว่าได้มาถูกต้องตามกฎหมาย หรือไม่
ต่อมา นายชัยวัฒน์ ให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2559 อ้างว่า ไร่ชัยราชพฤกษ์นั้น พร้อมให้มีตรวจสอบเช่นกัน โดยที่ดินดังกล่าวเป็นของพี่ชายตนและภรรยาที่ตกทอดมาจากพ่อตา ทำกินมาตั้งแต่ช่วงปี 2527-2528 มีหนังสือรับรองสิทธิทำกิน (สทก.1ก.)
และในช่วงปี 2545 ที่ต้องเปลี่ยนเป็นเอกสาร สทก. 2 ก. นั้นเป็นช่วงที่มีการแยกกรมป่าไม้และกรมอุทยานฯ กระบวนการจึงยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยมีการร้องเรียนให้ตรวจสอบ โดยยุติเรื่องไปแล้วเมื่อปี 2551
ช่วงต้นปี 2555 ก็ตกเป็นข่าวอีกครั้ง หลังเกิดเหตุการณ์เผานั่งยางช้างป่าเพื่อเอางา โดยจับผู้ต้องหาได้ 5 คน ประกอบด้วยลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ รวมถึงผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ต่อมานายชัยวัฒน์ได้เดินทางเข้าใช้ตำแหน่งยื่นประกันตัว โดยปฏิเสธไม่รู้เห็นเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น
ก่อนที่จะมาพัวพันคดีการหายตัวไปของ “บิลลี่ พอละจี” เมื่อปี 2557 กระทั่งถูกอัยการสูงสุดสั่งฟ้องวันนี้ (15 สิงหาคม) พร้อมพวก 4 คน ในข้อหาฆ่าคนอื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่นายชัยวัฒน์ ได้เปิดใจกับเนชั่นออนไลน์ทันที ยืนยันในความบริสุทธิ์ ไม่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของบิลลี่อย่างแน่นอน พร้อมสาบานหากทำจริงขอให้ตกนรก ใครทำแบบนี้ได้ต้องชั่วช้าเลวทรามเต็มที นายชัยวัฒน์กล่าวทิ้งท้าย