svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ประยุทธ เผย ชัยวัฒน์ ส่อโดนคดี 157 เพิ่มจากคดีร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองบิลลี่

15 สิงหาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

รองโฆษก อสส. เผย "ชัยวัฒน์" ส่อโดนคดี 157 เพิ่มจากคดีร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรอง "บิลลี่" ย้ำคดีบิลลี่อยู่ในอำนาจศาลอาญาคดีทุจริตฯ

เป็นปมร้อน ๆ ที่ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีต ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9  (อุบลราชธานี) และอดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ต้องเผชิญ หลังจากได้กลับเข้ามารับราชการตามคำสั่งศาลปกครองเพชรบุรี กรณีที่วันนี้ (15 ส.ค.) นายชัยวัฒน์ถูกอัยการสูงสุดลงนามสั่งฟ้องข้อหา “ร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” ในคดีการหายตัวของ นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ “บิลลี่” ชาวกะเหรี่ยงบางกลอย ที่หายตัว ตั้งแต่ 17 เม.ย. 57 และวันนี้ได้เปลี่ยนสถานะจากคดี “คนหาย” ไปเป็นคดี “ฆาตกรรม” อย่างเป็นทางการในที่สุด (อ่านข่าว)

 

 

ประยุทธ เผย ชัยวัฒน์ ส่อโดนคดี 157 เพิ่มจากคดีร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองบิลลี่

ซึ่งกรณีนี้ นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่าเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้อัยการคดีพิเศษ เคยมีความเห็นสั่งฟ้องคดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ 157 เเละฐานสนับสนุนกับผู้ต้องหาที่ 4 ไปเเล้ว ส่วนข้อหาอื่นที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง อธิบดีดีเอสไอเเย้ง ต่อมา นายสิงห์ชัย อสส. ก็ชี้ขาดเห็นเเย้งให้ฟ้อง 4 ข้อหาตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น 

 

เเละสั่งไม่ฟ้องข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ มาตรา 340 ประกอบ 83 ไม่ฟ้องร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ ตามมาตรา 147 ประกอบ 83 เจ้าพนักพนักงานปล้นทรัพย์ เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำเเหน่งหน้าที่โดยมิชอบ 148 (83) ส่วนผู้ต้องหาที่ 4 ก็ไม่ผิดตามมาตรา 148 ฐานสนับสนุน ไม่ฟ้องกรรโชกทรัพย์ ตามมาตรา 337
 

 

นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด

ซึ่งในคำชี้ขาดของอัยการสูงสุดระบุชัดเจน ให้ดำเนินการยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง โดยหลังจากนี้หากอัยการสำนักงานคดีพิเศษร่างฟ้องเสร็จ ก็จะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปยื่นฟ้องต้อศาลอาญาคดีทุจริตฯ ในข้อหา ปฏิบัติหน้าที่มิชอบเเละข้อหาที่อัยการสูงสุดชี้ขาดฟ้องคดีต่อไป

 

 

นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร

 

 

ด้าน นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน  อัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ได้มีคำสั่งชี้ขาดความเห็นเเย้งให้ฟ้องนายชัยวัฒน์ กับพวกรวม 4 คนฐาน ร่วมกันฆ่า นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก โดยไตร่ตรองไว้ก่อน

 

ทั้งนี้ นายประยุทธ กล่าวว่า อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้องคดีจริง โดยขั้นตอนหลังจากนี้ สำนวนได้ถูกส่งมายัง นายพรชัย ชลวาณิชกุล อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ โดยอธิบดีจะจ่ายสำนวนไปให้อัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 เพื่อออกหมายนัดตัวนายชัยวัฒน์กับพวก ผู้ต้องหามายื่นฟ้องต่อศาลต่อไป 

 

ประยุทธ เผย ชัยวัฒน์ ส่อโดนคดี 157 เพิ่มจากคดีร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองบิลลี่

 

 

มีรายงานว่า สำหรับคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้อง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้ต้องหาที่ 1 นายบุญแทน บุษราคำ ผู้ต้องหาที่ 2 นายธนเสฏฐ์หรือไพฑูรย์ แช่มเทศ ผู้ต้องหาที่ 3 และนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ ผู้ต้องหาที่ 4 ประกอบด้วย ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตน ได้กระทำความผิดอื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตน ได้กระทำไว้ , ร่วมกันโดยมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง , ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย เป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย,

 

ร่วมกันโดยทุจริตหรืออำพรางคดีกระทำการใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,91,249,(4) (7),309,310 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวล กฎหมายอาญา(ฉบับที่ 26) พ.ศ.2560 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150ทวิ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 21) พ.ศ. 2542 มาตรา 5

 

โดยก่อนหน้านี้เมื่อช่วง ม.ค. 63 อัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 มีคำสั่งไม่ฟ้องหลายข้อหาในคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งสำนวนคดีอาญาให้สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด พิจารณาคดีระหว่าง น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ กับพวกรวม 2 คน ผู้กล่าวหา นายชัยวัฒน์ และพวกรวม 4 คน โดยขณะนั้น นายฐาปนา ใจกลม อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ได้จ่ายสำนวนให้สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 พิจารณา ตั้งคณะทำงาน

 

ซึ่งคณะทำงานร่วมกันตรวจพิจารณาสำนวนแล้วเห็นว่า สำหรับข้อหาเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ คณะทำงานพิจารณาแล้วเห็นว่าพยานหลักฐานพอฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 จึงเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 1-3 ในข้อหาร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/2, 172 และเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 4 ฐานเป็นผู้สนับสนุนให้กระทำความผิดดังกล่าวข้างต้น ส่วนข้อกล่าวหาอื่น คณะทำงานเห็นว่าทางคดีไม่มีประจักษ์พยานและพยานแวดล้อมใด ๆ เพียงพอที่จะเชื่อมโยงว่า ผู้ต้องหาทั้งสี่ได้ร่วมกันกระทำผิด มีพยานหลักฐานไม่พอฟ้อง จึงเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง 

 

สำหรับข้อหาร่วมกันฆ่าบิลลี่ คณะทำงานเห็นว่า ในชั้นนี้พยานหลักฐานไม่พอฟ้อง จึงเห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้งสี่เช่นกัน ซึ่งต่อมาทางอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีความเห็นเเย้งคำสั่งของอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 ตามขั้นตอนจึงต้องส่งให้จนอัยการสูงสุดชี้ขาดในครั้งนี้

logoline