svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

"สวนดุสิตโพล" เผยคนไทยค่อนข้างกังวล "ฝีดาษลิง" ขอรัฐแจ้งเตือนต่อเนื่อง

14 สิงหาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"สวนดุสิตโพล" เผยประชาชนกว่าครึ่งค่อนข้างวิตกกังวลกับโรค "ฝีดาษลิง" เนื่องจากมีการแพร่กระจายเป็นวงกว้างทั่วโลก ขณะที่แนวโน้มของการระบาดก็ยังไม่ชัดเจน โดยต้องการให้ภาครัฐประกาศแจ้งเตือนข้อมูลที่ถูกต้องและต้องเปิดเผยข้อมูลข้อเท็จจริง

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,095 คน ระหว่างวันที่ 5-11 สิงหาคม 2565 พบว่า จากข่าวโรคฝีดาษลิงที่สื่อนำเสนอ ณ วันนี้ ประชาชนค่อนข้างวิตกกังวล ร้อยละ 54.34 โดยมีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับโรคฝีดาษลิงอยู่บ้าง ร้อยละ 66.76 แหล่งข้อมูลข่าวสารที่ประชาชนเชื่อถือมากที่สุด คือ ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข ร้อยละ 37.17 ระหว่างโรคโควิด-19 กับ โรคฝีดาษลิง ประชาชนกังวลทั้ง 2 โรค พอ ๆ กัน ร้อยละ 41.19 


ทั้งนี้มองว่ารัฐบาลจะรับมือโรคฝีดาษลิงได้ ร้อยละ 46.58 อยากให้รัฐบาลประกาศ แจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง ร้อยละ 81.55 รองลงมาคือแนะนำวิธีการป้องกันดูแลตนเองให้กับประชาชน ร้อยละ 60.82

"สวนดุสิตโพล" เผยคนไทยค่อนข้างกังวล "ฝีดาษลิง" ขอรัฐแจ้งเตือนต่อเนื่อง

นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า แม้สถานการณ์ผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงในประเทศไทยยังมีจำนวนไม่มากแต่ประชาชนก็ค่อนข้างวิตกกังวล ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะบทเรียนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาจึงทำให้ประชาชนรู้สึกกังวลไม่แตกต่างกัน

 

แต่ด้วยการรับมือของกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ประชาชนจึงรู้สึกว่ารัฐบาลน่าจะรับมือกับโรคระบาดใหม่ได้ เพื่อลดความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น รัฐบาลจึงควรรายงานสถานการณ์ ให้ความรู้และแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง
 

ด้าน ดร.ปณวัตร สันประโคน อาจารย์ประจำสาขาวิชาการพยาบาลและชุมชน คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ให้ความเห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่ค่อนข้างวิตกกังวลต่อโรคฝีดาษลิง เนื่องจากการแพร่กระจายเชื้อเกิดขึ้นในวงกว้างทั่วโลก แนวโน้มของการระบาดก็ยังไม่ชัดเจนและอาการแสดงคล้ายคลึงกันหลายโรค 


ซึ่งโรคฝีดาษลิงนอกจากส่งผลต่อการเจ็บป่วยทางกายยังส่งผลต่อสภาวะทางจิต เศรษฐกิจและสังคมของผู้ป่วยอีกด้วย ความรู้สึกกังวลต่อภาพลักษณ์ที่เกิดตุ่มรอยโรคตามร่างกาย การถูกตีตราจากปัจจัยเสี่ยงด้านการมีเพศสัมพันธ์ในกลุ่มชายรักชาย และต้องถูกแยกตัวเช่นเดียวกันกับโรคโควิด-19 ทำให้ต้องหยุดงานซึ่งกระทบต่อรายได้ ในขณะเดียวกันรายจ่ายที่ต้องใช้ระหว่างรักษาก็เพิ่มขึ้น ผลกระทบนี้จะรุนแรงมากขึ้นในกลุ่มประชาชนผู้มีรายได้น้อย 


ดังนั้น สิ่งที่ประชาชนต้องการจากรัฐบาล คือ การประกาศแจ้งเตือนข้อมูลที่ถูกต้องและเรียกร้องให้ภาครัฐต้องเปิดเผยข้อมูลข้อเท็จจริง ขณะเดียวกันประชาชนเองก็ควรป้องกันตนเองเช่นเดียวกันกับโรคโควิด-19 รวมทั้งติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่องจากภาครัฐ
 

logoline