"อดีตเด็กวัด" วัย 48 ปีตระเวนตุ๋นเหยื่อ "ชอบทำบุญเอาหน้า" เสียหายหลายแสน

วันที่ 10 สิงหาคม 2565 พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล( ผบช.น. ) พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 (ผบก.น.5)  และพ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร์ ผู้กำกับการสืบสวนนครบาล 5 แถลงการจับกุมนายธนวิทย์ (สงวนนามสกุล)อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาหลอกทำบุญ ผุ้เสียหายสูญเงินเกือบแสน

พล.ต.ท.สำราญ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ตำรวจ สน.บางโพงพาง ได้รับแจ้งเหตุ คนร้ายหลอกให้ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทขายเครื่องเขียนแห่งหนึ่งย่านพระราม 3 โดยคนร้ายแสดงตัวเป็น เจ้าของบริษัทที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกัน จากนั้นได้เข้าไปเชิญชวนทำบุญ โดยใช้อุบายว่าจะนำเงินไปสร้างห้องเรียนให้นักเรียนด้อยโอกาสในพื้นที่ต่างจังหวัด เป็นเงินจำนวน 90,000 บาท 

หลังผู้เสียหายทราบว่าถูกหลอกจึงได้ทำการแจ้งความไว้ ทางตำรวจชุดสืบสวนนครบาล 5 จึงเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุและกล้องวงจรปิดตลอดเส้นทางหนีของคนร้าย ทำให้ทราบตำหนิรูปพรรณคนร้าย ยานพาหนะและเส้นทางหลบหนีจากที่เกิดเหตุ ไปจนถึงที่พักของคนร้ายบริเวณ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม 

ทั้งนี้จากการตรวจสอบแผนประทุษกรรมคดีเก่า ทราบว่าคนร้ายเคยก่อเหตุในพื้นที่ สน.เทียนทะเล จึงได้ประสานขอข้อมูลจนทราบชื่อสกุลคนร้ายพบมีหมายจับค้างเก่าของ สน.บางโพงพาง ก่อนสามารถจับกุมตัวได้พร้อมของกลาง รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นฟอซ่า 350 สีน้ำเงิน จำนวน 1 คัน เสื้อ – กางเกง ที่ใช้ก่อและหลังก่อเหตุ จำนวน 3 ตัว และอุปกรณ์อะไหล่รถยนต์จำนวนหนึ่ง

ด้าน พ.ต.อ.จิรกฤต กล่าวว่า จากการสอบสวนคนร้าย ให้การว่า เคยถูกจับในข้อหาลักษณะเดียวกันนี้มาก่อน และเพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อปลายปี 2563 หลังจากนั้นก็กลับมาก่อเหตุแบบเดิม โดยจะขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปตามแหล่งธุรกิจของบริษัทอุตสาหกรรม ก่อนจะใช้คำพูดหว่านล้อมอ้างว่ามาตัวเองมาจากอีกร้านหนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกัน 

โดยมาชักชวนทำบุญ ให้เหตุผลว่า ร้านตนทำแล้ว ร้านผู้เสียหายจะร่วมทำด้วยหรือไม่ และเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อก็จะยื่นเงินทำบุญให้ จากนั้นก็จะใช้วิธีการนี้หลอกเหยื่อไปเรื่อยๆ ตามร้านอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะได้เงินหลักหมื่นบาท รวมแล้วหลายแสนบาท 

ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบลึกลงไปพบว่าคนร้ายรายนี้ เคยเป็นเด็กวัดมาก่อน เห็นลักษณะของคนที่นับถือศาสนาพุทธ และมักจะชอบทำบุญอยู่เสมอ ซึ่งคนร้ายยังให้เหตุผลด้วยว่า “คนชอบทำบุญเอาหน้า” จึงเป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้คนร้ายก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว

พ.ต.อ.จิรกฤต กล่าวอีกว่า คนร้ายก่อเหตุในลักษณะนี้มาประมาณ 50 ครั้ง บริเวณพื้นที่กรุงเทพมหานคร, สมุทรสาคร, สมุทรปราการ, นครปฐม, ปทุมธานี และ นนทบุรี โดยเงินที่นำมาก็จะเอาไปซื้ออะไหล่รถมาขายต่อ รวมถึงเล่นการพนันและซื้อยาเสพติดบางส่วน 

เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น” ก่อนคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางโพงพาง ต่อไป ทั้งนี้ตำรวจจึงอยากฝากให้ประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อของคนร้ายรายนี้ ให้สามารถติดต่อแจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.น.5 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง