ประธานาธิบดีไบเดนลงนามในกฎหมาย ชิพส์ และ ไซแอนซ์ (CHIPS and Science Act) ที่กำหนดงบประมาณกว่า 280,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนและลงทุนด้านการผลิตและการวิจัยของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงงบ 52,700 ล้านดอลลาร์ที่จัดสรรให้บริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ พร้อมกับกล่าวว่า “อนาคตจะถูกสร้างขึ้นในอเมริกา” และเปรียบเทียบว่า เป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในชั่วอายุคนในสหรัฐฯ
กฎหมายฉบับนี้ยังกำหนดมาตรการลดหย่อนภาษี 25% ให้ผู้ประกอบการผลิตชิพในสหรัฐฯ ด้วยวงเงินรวม 24,000 ล้านดอลลาร์ และจัดสรรเงินสนับสนุนการวิจัยด้านเซมิคอนดักเตอร์เป็นระยะเวลา 10 ปีรวม 200,000 ล้านดอลลาร์ แต่สภาคองเกรสต้องออกกฎหมายอีกฉบับเพื่อจัดสรรงบประมาณส่วนนี้ และกระทรวงพาณิชย์ยังต้องกำหนดกฎเกณฑ์ในการพิจารณาจัดสรรงบสนับสนุนแก่ผู้ประกอบการผลิตชิพ และยังไม่ระบุว่า โครงการนี้จะเริ่มขึ้นเมื่อใดและมีระยะเวลาเท่าใด
รัฐบาลพยายามผลักดันกฎหมายฉบับนี้เพื่อความมั่นคงของชาติ เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันกับจีน ลดการพึ่งพาผู้ผลิตชิพในต่างประเทศ และบรรเทาปัญหาห่วงโซ่อุปทานและการขาดแคลนชิพในช่วงการระบาดของโควิด-19
ขณะที่จีนพยายามคัดค้านกฎหมายฉบับนี้ และสถานทูตจีนประจำกรุงวอชิงตัน ออกแถลงการณ์คัดค้านอย่างหนักแน่นต่อกฎหมายดังกล่าว และระบุว่า เป็นสิ่งสะท้อนแนวคิดยุคสงครามเย็น
จากข้อมูลของสมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ระบุว่า สหรัฐฯ มีสัดส่วนศักยภาพการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ลดลงอย่างมากจาก 37% ของทั้งหมดในโลกในปี 2533 เหลือเพียง 12% ในปัจจุบัน