ความคืบหน้ากรณีเกิดศึกยิงถล่มกันกลางเมือง จากความขัดแย้งระหว่างโรงน้ำแข็ง 2 แห่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา (อ่านข่าว)
วันนี้ (9 ส.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่โรงน้ำแข็งอโยธยา ตำบลเกาะเรียน อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.เอกราช อุ่นเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา นำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบใบอนุญาตสถานประกอบการ รวมทั้งในส่วนของสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พ.ต.อ.เอกราช เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับฝ่ายปกครอง สาธารณสุขจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด ตรวจสอบโรงน้ำแข็งอโยธยา และโรงน้ำแข็งพันล้าน พบว่าทั้ง 2 แห่ง ประกอบการถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งยังได้ประสานตำรวจภูธรจังหวัดสิงห์บุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบโรงน้ำแข็งพันล้านที่จังหวัดสิงห์บุรีด้วย พร้อมมีการตรวจค้นจุดต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและสิงห์บุรี รวม 19 จุด
ในส่วนของคดี ขณะนี้ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้ง 13 คนไปแล้ว และมีการยื่นขอประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ไปครบทุกคน หลังจากนี้ทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยฝ่ายป้องกันจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะเป็นผู้ตั้งโต๊ะเจรจาข้อตกลงของโรงน้ำแข็งทั้ง 2 แห่ง เพื่อยุติความขัดแย้งซึ่งกันและกัน
ด้าน น.ส.ปุ้ย ผู้ดูแลโรงน้ำแข็งอโยธยา เปิดเผยว่า ปัจจุบันยอดการจำหน่ายก็จะผลิตไม่ทันอยู่แล้ว ผลกระทบจากการที่มีโรงงานผลิตน้ำแข็งอื่นมาส่งน้ำแข็งแข่งขันในพื้นที่ถือว่ามีน้อยมาก สิ่งที่มีผลกระทบกับทางโรงน้ำแข็งส่วนใหญ่เป็นเรื่องสภาพอากาศ ที่การบริโภคน้ำแข็งของประชาชนลดลง ทำให้ยอดการขายลดลงมากกว่า ส่วนการขัดแย้งทะเลาะวิวาทเป็นเรื่องส่วนบุคคล เป็นเรื่องของพนักงาน คนขับรถและเด็กติดรถที่ไปส่งน้ำแข็ง
ซึ่งพนักงานส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย มีประมาณ 50 คน และเป็นวัยรุ่นเสียส่วนใหญ่ ซึ่งการออกไปทำงานบางครั้งก็อาจมีกระทบกระทั่งเรื่องต่าง ๆ กับโรงน้ำแข็งอีกฝ่าย ซึ่งบางครั้งก็ไม่สามารถควบคุมดูแลได้ทั้งหมด แต่หากพบการกระทำความผิดในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทางโรงงาน ก็จะดำเนินการกับพนักงาน
ผู้ดูแลโรงน้ำแข็งอโยธยา กล่าวด้วยว่า ในส่วนของความสัมพันธ์เกี่ยวโยงกับกำนันตำบลเกาะเรียน ทางโรงงานขอยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน ที่มีข้อมูลว่าเกี่ยวข้องกันนั้น เป็นแค่เพียงการดูแลลูกบ้านในพื้นที่ทั่วไปเท่านั้น