เสี่ยบี ควงเมียเปิดใจหลังไฟไหม้ Mountain B รับเครียดหนักคิดไม่อยากอยู่ต่อ

วันนี้ (9 ส.ค.) ที่ Mountain B ผับ ริมถนนสายสุขุมวิท บางนา-ตราด ม.7 ต.พลูตาหลวง  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นายพงศ์ศิริ ปั้นประสงค์ หรือ เสี่ยบี อายุ 27 ปี พร้อมด้วยนางอนงค์นารถ ปั้นประสงค์ อายุ 31 ปี เจ้าของผับ และนายอนุชา วงษ์ศรีรัตน์ ทนายความส่วนตัว แถลงเปิดใจครั้งแรกหลังเกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้ Mountain B ผับ จนมีผู้เสียชีวิต 15 ราย และบาดเจ็บจำนวนมาก

โดย เสี่ยบี และภรรยา เปิดฉากด้วยการพนมมือไหว้ กล่าวขอโทษ และเสียใจ ต่อทุกฝ่ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นจากใจจริง ก่อนย้อนเหตุการณ์วันเกิดเหตุว่า ขณะที่เกิดเหตุกำลังอยู่ด้วยกันในครัวห่างหน้าผับราว 20 เมตร กระทั่งช่วงใกล้ตี 1 ได้ยินเสียงระเบิดดังมาจากผับ ก่อนภาพที่ปรากฏเพลิงได้โหมลุกไหม้อย่างรุนแรง และควันกลุ่มใหญ่ พวยพุ่งออกมาจากร้าน ผู้คนต่างวิ่งพากันหนีตาย 
 

นางอนงค์นารถ ยอมรับว่า ในเวลานั้นตกใจอย่างมาก แต่ก็ได้พยายามช่วยเหลือชีวิตทุกคนออกมาให้มากที่สุด พร้อมแจ้งหน่วยงานเข้าช่วยเหลือเร่งด่วน เมื่อรู้ว่าหลังเกิดเหตุมีผู้เสียชีวิตมากถึง 13 ราย และบาดเจ็บเกือบ 40 ราย ในจำนวนนั้นต้องสูญเสียพนักงานที่ทำงานร่วมกันมาถึง 3 คน คือ กัปตันร้าน แคชเชียร์ และช่างซาวด์ และการ์ดได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 คน

ในเวลานั้น อยากจะชวนกันไปฆ่าตัวตาย ไม่อยากอยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่า ในชีวิตจะต้องมาพบกับเหตุการณ์เช่นนี้ ต้องขอโทษญาติผู้เสียชีวิต ญาติผู้บาดเจ็บ รวมถึงผู้เคราะห์ร้ายทั้งหมด ได้โปรดอโหสิกรรมอย่าได้อาฆาตพยาบาท เพราะเชื่อว่า ไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ต้องขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง

นางอนงค์นารถ กล่าวว่า ส่วนการเปิดผับนั้น สืบเนื่องมาจากว่า ก่อนหน้านี้ร้าน MOUNTAIN ที่เปิดเป็นโล่งร้านอาหาร และมีดนตรีสด ได้ถูกชาวบ้านร้องเรียนว่า ส่งเสียงดังสร้างความรำคาญ จึงได้ตัดสินใจนำเงินเก็บที่ได้จากการเปิดธุรกิจร้านแห่งนี้ รวมถึงร้านหมูกระทะ และเขียงหมู มาลงทุนเปิดเป็นผับ Mountain B เพียงแค่คิดว่า ต้องการร้านที่มีความเก็บเสียง ไม่สร้างปัญหาให้กับชาวบ้านอีก ซึ่งยอมรับว่า ผิดจริงที่ได้ดัดแปลงร้านเป็นผับ โดยไม่มีการขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมายเสียก่อน

ยืนยันว่า ร้านที่ก่อตั้งขึ้นนั้น ไม่มีนอมินี นายทุนใหญ่ หรือผู้มีอิทธิพล หนุนหลังเปิดร้านแห่งนี้แน่นอน เงินที่สร้างขึ้นมานั้น เกิดขึ้นจากน้ำพักน้ำแรง ที่ได้ร่วมกันเก็บเงินมาในตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา 

ส่วนเรื่องเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตนั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างให้ทนาย และครอบครัว กำลังหาเงินมาช่วยเหลือเยียวยาให้มากที่สุด เบื้องต้น ผู้เสียชีวิตจ่ายรายละ 50,000 บาท ส่วนผู้บาดเจ็บจ่ายรายละ 10,000 บาท ส่วนจะจ่ายสินไหมให้รายละเท่าไหร่นั้น ยังไม่ตั้งธงไว้ในใจ เพราะเนื่องจากว่า แต่ละครอบครัวก็มีความคิดต่างกัน นั่นคือ เรื่องของอนาคต แต่ไม่ทอดทิ้งชดใช้อย่างแน่นอน

หลังจากนี้ จะยังคงเปิดร้าน MOUNTAIN ซึ่งเป็นร้านอาหารมีดนตรีสด และร้านหมูกระทะ ที่อยู่ติดกันต่อไป เพราะสงสารพนักงานที่มีอยู่จำนวนมาก หากไม่ดำเนินธุรกิจต่อ ทุกคนคงต้องตกงาน และได้รับความเดือดร้อน ท้ายที่สุด อยากขอความเห็นใจจากทุกคนในสังคม ให้โอกาสได้ทำหน้าที่ เพื่อหาหนทางช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับความเดือดร้อน ให้ได้รับความช่วยเหลืออย่างดีที่สุด
 

ทั้งนี้ เสี่ยบี เผยว่า หลังจากจบเรื่องและเคลียร์ทุกอย่างจบ ตั้งใจจะบวชอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิต

รายงานแจ้งว่า ระหว่าง เสี่ยบี นั่งให้สัมภาษณ์ มีสีหน้าเคร่งเครียดนั่งบีบมือตัวเองตลอด และยกมือไหว้ขอโทษอีกครั้ง โดยหลังแถลงเปิดใจ ทั้งคู่บอกว่าจะเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สภ.พลูตาหลวง ต่อ และจะไปร่วมงานศพและเยี่ยมคนเจ็บให้ครบทุกราย เพื่อแสดงความจริงใจ