เมีย “เสี่ยบี Mountain B” ครวญจิตใจย่ำแย่ ยันไม่หนี ปัดมีนักการเมืองหนุนหลัง

หลังจากศาลจังหวัดพัทยา อนุมัติหมายจับนายพงษ์ศิริ ปั้นประสงค์ หรือเสี่ยบี อายุ 27 ปี เจ้าของเมาท์เทนบี ผับดังในอำเภอสัตหีบที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ มีผู้เสียชีวิต 15 คน และบาดเจ็บ 37 คน ใน 2 ข้อหา คือ กระทำการโดยประมาทเป็นให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต จากนั้นตำรวจชุดสืบสวน สภ.พลูตาหลวง ได้นำตัวมาสอบสวน พร้อมกับแฟนสาว และทนายความส่วน โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนจะคุมตัวผู้ต้องหาออกจากห้องสืบสวน นำส่งตำรวจเจ้าของคดี เพื่อบันทึกการจับกุม จากนั้นคุมตัวเข้าห้องขังที่โรงพัก หลังตำรวจได้คัดค้านการประกันตัว ในชั้นพนักงานสอบสวน เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตหลายคน หวั่นผู้ต้องหายุ่งเหยิงกับพยาน และป้องกันการหลบหนี และจะส่งตัวฝากขังศาลในวันจันทร์ ทำให้เสี่ยบี ผู้ต้องหา ต้องนอนห้องขัง 2 คืน

สอบถามทนายความ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา หลังเกิดเหตุมีอาการเครียดเพราะไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เบื้องต้นได้ให้ทีมงานประสานงานกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ โดยจะมอบเงินช่วยเหลือผู้เสียชีวิตเบื้องต้นรายละ 50,000 บาท ส่วนผู้บาดเจ็บรายละ 10,000 บาท หากผู้บาดเจ็บคนไหนยังไม่ได้รับการติดต่อ ให้แจ้งข้อมูลรายละเอียดที่ เฟซบุ๊กของทางร้าน เพื่อจะให้ทีมงานประสานงานติดต่อกลับไป

ด้านนางอนงค์นารถ ปั้นประสงค์ อายุ 31 ปี ภรรยาของ “เสี่ยบี” เปิดเผยว่าในเหตุการณ์วันนั้นร้านก็ได้เปิดให้บริการตามปกติ โดยในส่วนของผู้บริหารทั้งเสี่ยบีและตนเองมีนัดกันจะเข้าไปเช็กซาวนด์ในร้านที่ได้ทำการปรับเปลี่ยนใหม่ หลังเช็กสต็อกของเสร็จ ด้วยนัดทางช่างที่มาทำการติดตั้งไว้แล้ว แต่ปรากฏว่าหลังเข้าไปได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นจากบริเวณด้านในก่อนไฟจะลุกลามขึ้น จากนั้นจึงตะโกนบอกทุกคนว่าไฟไหม้ให้รีบหลบหนีออกมาด้านนอก พร้อมสั่งการให้พนักงานช่วยเหลือลูกค้าที่ติดอยู่ภายใน โดยตนเองก็พยายามวิ่งเข้าไปร่วมด้วยแต่ขณะนั้นก็เกิดกลุ่มควันดำพวยพุ่งออกมาอย่างรุนแรง ช่วงนั้นหลังตั้งสติได้ก็ตัดสินใจโทรแจ้งขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยกู้ภัยและดับเพลิง จนการ์ดของทางร้านได้ตะโกนบอกว่าห้ามเข้าภายในกำลังจะระเบิดจึงวิ่งออกมาหลบด้านนอก ก่อนเกิดการระเบิดขึ้นซึ่งมีเปลวไฟโหมออกมาด้านนอกอย่างรุนแรง จึงเข้าไปหลบในห้องด้านนอกซึ่งจังหวะนั้นก็มีผู้บาดเจ็บที่ลำตัวมีเปลวไฟวิ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือจึงพยายามดับไฟและผ้าห่มมาคลุมตัวไว้ โดยส่วนตัวยอมรับว่าสภาพของผู้ได้รับบาดเจ็บเห็นแล้วยังรู้สึกทำใจไม่ได้และเหตุการณ์ถือว่าชุลมุนเป็นอย่างมาก กระทั่งหน่วยกู้ภัยมาถึงจึงได้ร้องขอความช่วยเหลือ

นางอนงค์นาถ เปิดเผยต่อว่าในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ทั้งสามี รวมถึงตนเองก็อยู่ พยายามช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับบาดเจ็บไม่ได้หลบหนีไปแต่อย่างใด โดยตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นก็อยู่โรงพักมาตลอด 2 วันไม่ได้อาบน้ำเนื้อตัวมีแต่กลิ่นไหม้ ขณะที่สภาพจิตใจก็ย่ำแย่เป็นอย่างมาก ทั้งนี้สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องกราบขออภัยผู้ที่ประสบเหตุแลครอบครัวเป็นอย่างมาก ด้วยไม่ได้มีเจตนาให้เหตุการณ์มันเกิดขึ้น ส่วนตนเองและสามีก็เป็นเพียงแค่คนสองคนที่พยายามทำมาหากินเท่านั้น พร้อมจะรับผิดชอบดูแลทุกอย่างที่สามารถทำได้ แม้ว่าสิ่งที่พูดจะไม่สามารถชดใช้เรื่องที่เกิดขึ้นได้ก็ตามซึ่งต้องขอโทษจากใจจริงๆ

ส่วนกรณีที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่ามีคนมีสีมาเอี่ยว มีนักการเมืองเป็นแบ็กอัพให้นั้น เรื่องจริงคือไม่มีใครมาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด เป็นเพียงแค่ความคิดของตนเองและสามีเท่านั้นที่อยากจะเปิดกิจการเป็นของตัวเองเพื่อทำธุรกิจและดำเนินชีวิต