svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

อดีตรองประธาน กสทช.ย้ำ"ควบรวม ทรู-ดีแทค"ใช้ประกาศปี61 ไม่ต้องขออนุมัติ

"เศรษฐพงศ์" อดีตรองประธาน กสทช. ย้ำ ควบรวม "ทรู-ดีแทค" ใช้ประกาศปี 61 ไม่ต้องขออนุมัติ ยืนยัน กสทช. ยึดกฎหมายไม่เลือกปฏิบัติ ชี้เป็นไปไม่ได้ค่าบริการสูงขึ้น

 

"พันเอก ดร.เศรษฐพงศ์ มะลิสุวรรณ" อดีตรองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญ ทำหน้าที่ประมูลคลื่นมือถือ 3G ครั้งแรกในไทย รวมถึงเป็นผู้ที่มีความรู้และเข้าใจเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับการกำกับดูแลการรวมธุรกิจโทรคมนาคม หรือ ประกาศ กสทช. ออกมาให้ข้อมูลกรณีการรวมทรู และดีแทค เพื่อให้สังคมมีความเข้าใจกฎหมาย และประกาศการควบรวมกิจการ ภายใต้การดูแลของ กสทช. มากขึ้น

 

อดีตรองประธาน กสทช.ย้ำ\"ควบรวม ทรู-ดีแทค\"ใช้ประกาศปี61 ไม่ต้องขออนุมัติ

 

พันเอก เศรษฐพงศ์ กล่าวว่า การควบรวมไม่ใช่เรื่องใหม่ของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย ที่ผ่านมาก็มีการควบรวมเกิดขึ้นไม่น้อยกว่า 9 ราย ซึ่งล้วนเป็นการแจ้งการควบรวม ตามประกาศ กสทช. ปี 2561 ทั้งนี้การควบรวม ไม่ได้เป็นกฎหมายที่เพิ่งเขียนขึ้นมา แต่เป็นประกาศที่ใช้มาแล้วถึง 9 ดีล รวมถึงการควบรวมการสื่อสาร (CAT) และองค์การโทรศัพท์ (TOT) โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจาก กสทช. เช่นเดียวกับ การรวมกิจการการรวมธุรกิจระหว่างทรูและดีแทค ที่เป็นการควบบริษัท (Amalgamation) จึงไม่ต้องขออนุญาตจาก กสทช. เช่นเดียวกัน

 

แต่ตามประกาศ กสทช.ปี 2561 ที่ได้ใช้มาหลายกรณีแล้วนั้น เมื่อ กสทช. รับทราบ หากมองว่าอาจจะมีผลกระทบเกิดขึ้น กสทช. สามารถกำหนดเงื่อนไข มาป้องกันความเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะได้ ในกรณีนี้ก็ควรเป็นเช่นเดียวกับดีลที่ผ่านๆ มา ไม่น่ามีเหตุผลที่จะเลือกปฏิบัติ

 

อดีตรองประธาน กสทช.ย้ำ\"ควบรวม ทรู-ดีแทค\"ใช้ประกาศปี61 ไม่ต้องขออนุมัติ

 

ส่วนกรณีมีการยกเอาประกาศฉบับอื่นๆ นอกจากประกาศ กสทช. ปี 2561 มาใช้อ้างอิง กรณีควบรวมทรูและดีแทค นั้น ดร.เศรษฐพงศ์ กล่าวว่า การนำประกาศฉบับต่างๆ มาอ้างอิง ทำให้สังคมเกิดความสับสน จึงต้องแยกให้ออกว่า “การควบรวม” แตกต่างจาก “การเข้าซื้อกิจการ” อย่างไร ดังนั้นการควบรวมที่ผ่านมา รวมถึงกรณีของทรูและดีแทค ต้องใช้ประกาศ กสทช. ปี 2561 ซึ่งออกสมัย ดร.เศรษฐพงศ์ เป็น กสทช. ด้วย และเป็น กสทช. ฝั่งโทรคมนาคม โดยประกาศระบุว่า การรวมธุรกิจฯ กำหนดให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม หรือผู้มีอำนาจควบคุมของผู้ได้รับใบอนุญาตที่ต้องการรวมธุรกิจ ต้องรายงานการรวมธุรกิจต่อเลขาธิการ กสทช. ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 90 วัน ก่อนจดทะเบียนควบบริษัท

 

ส่วนการที่มีคนยกเอากฎหมายฉบับอื่น  เช่น ประกาศ กสทช. ปี 2553 ที่ถูกยกเลิกไปแล้ว หรือ ประกาศปี 2549 ที่เป็นเรื่องของการเข้าซื้อกิจการ มาใช้อ้างอิงนั้น ดร.เศรษฐพงศ์ บอกว่า ทำไม่ได้ เพราะเป็นคนละเรื่องกัน กสทช. มีการยกเลิกกฎหมายการแข่งขัน 2 ครั้ง  ครั้งแรกเนื่องจากประกาศปี 2549 ไม่ได้พูดเรื่องการควบรวม จึงออกประกาศปี 2553 มาใช้กับการควบรวม และเมื่อมีประกาศปี 2561 เรื่องการรวมธุรกิจ ก็ได้ยกเลิกประกาศปี 2553 ไป เพราะหลักเกณฑ์ไม่ตรงตามบัญญัติในกฎหมายแม่บท โดย พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ และ พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคมฯ ไม่ได้ให้อำนาจ กสทช.ในการอนุญาตหรือไม่อนุญาตการรวมธุรกิจแต่อย่างใด จึงเกิดประกาศใหม่ปี 2561 มาใช้แทน เพื่อให้เกิดความชัดเจนและสอดคล้องกับ 2 พ.ร.บ. ข้างต้น
 

"การอ้างถึงหรือการนำประกาศ กสทช.ปี 2553 มาใช้ในการพิจารณาการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม จึงไม่ถูกต้อง เพราะประกาศนั้นถูกยกเลิกไปแล้ว ไม่ควรนำมาทำให้สังคมสับสน และก็ไม่ควรยประกาศ กสทช.ปี 2549 มาใช้กับกรณีทรูและดีแทค เพราะคนละกรณีกัน เปรียบเทียบกันไม่ได้ โดยประกาศ กสทช.ปี 2549 เป็นเรื่องการซื้อกิจการระหว่างกัน (Acquisition) ต่างจากการควบรวม (Amalgamation) ดังนั้นต้องไม่สับสน เพราะแตกต่างกัน และใช้กฎหมายคนละตัวกัน โดยดีลทรูและดีแทค ไม่ใช่ดีลแรกในการควบรวมภายใต้ประกาศ กสทช. ปี 2561 ที่ผ่านมาก็มีถึง 9 ดีล แต่ทำไมถึงจะมีปัญหาเฉพาะกรณีนี้ เพราะทุกกรณีต้องพิจารณาอย่างเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ และ กสทช. ก็มีมติเพียงรับทราบการรวมธุรกิจเหล่านั้นเท่านั้น"

 

อดีตรองประธาน กสทช.ย้ำ\"ควบรวม ทรู-ดีแทค\"ใช้ประกาศปี61 ไม่ต้องขออนุมัติ
 

ส่วนที่สังคมกังวลว่าราคาจะสูงขึ้น จนกระทบเศรษฐกิจนั้น ดร.เศรษฐพงศ์ บอกว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะ กสทช. มีกฎหมายและอำนาจ ในการกำหนดเพดานราคาอยู่แล้ว การคาดคะเนว่า ราคาจะสูงขึ้นเกินกรอบเพดานที่กสทช. ควบคุมนั้น ผู้ประกอบการทุกรายมีใบอนุญาต ทุกคนต้องเคารพกฎระเบียบอยู่แล้ว ที่ผ่านมา กสทช. ก็ควบคุมเพดานราคาได้ดี จนประเทศไทยมีราคาค่าบริการถูกเป็นอันดับต้นๆ ของโลก  ดังนั้นเรื่องราคาคงไม่ต้องกังวล