นางสาววาสนา ทองสุข ผู้บริหารฮักช้างเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้พัฒนาพื้นที่ บริเวณตำบลบ้านถ้ำ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วิถีชีวิตของช้าง ภายใต้ชื่อว่า “ฮักช้างเชียงดาว” บนพื้นที่ทั้งหมด 30 ไร่ โดยได้แบ่งพื้นที่ 16 ไร่ให้เป็นพื้นที่ปลูกข้าวอินทรีย์ และใช้ช้าง 2 เชือกที่มีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ตำบลนาเกียน อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีความสามารถในการไถนาตามภูมิปัญญาของชาวกะเหรี่ยง และเป็นช้างไถนาที่เหลือเพียงชุดเดียวของประเทศไทย มาช่วยไถนาเปิดหน้าดินเตรียมให้ชาวนาลงแขกปักดำต้นกล้าปลูกข้าว
สำหรับช้างทั้ง 2 เชือก ปกติจะมีความคุ้นเคยกับการไถนาที่อำเภออมก๋อยมาก่อน หลายสิบปีมาแล้ว และในช่วงที่ไม่มีการทำนาข้าวก็จะไปทำงานในแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ แต่เมื่อเจอกับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ไม่มีนักท่องเที่ยวทำให้ตกงาน เจ้าของช้างไม่มีรายได้ในการเลี้ยงดู ทางฮักช้างเชียงดาว จึงได้จ้างงานให้ช้างมาช่วยไถนา เดือนละ 15,000 บาทต่อเชือก ไม่รวมค่าอาหาร และค่าจ้างควาญช้าง ซึ่งในครั้งนี้ เมื่อให้ช้างมาช่วยไถนา สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับชาวนาในพื้นที่ และนักท่องเที่ยว เพราะช้างทั้ง 2 เชือก เดินลากแอกไถนาอย่างคล่องแคล่ว โดยไม่ต้องใช้เครื่องจักร
ที่สำคัญ ทางฮักช้างเชียงดาว มีการปลูกข้าวอินทรีย์ จึงมีความปลอดภัยต่อคน และช้าง ที่จะนำมาบริโภค และยังเป็นการโชว์ให้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนกับช้างที่อยู่ร่วมกันมาเป็นเวลานาน ซึ่งคาดว่าในช่วงไฮซีซั่นของปีนี้้ จะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาชมช้างไถนาแห่งเดียวของประเทศไทย ได้มาร่วมกิจกรรมการปลูกข้าวกับช้าง, อาบช้างให้ช้าง และทำสมุนไพรให้ช้าง รวมถึงยังจะมีโชว์ของควายไถนาที่ปัจจุบันนี้เริ่มจะหาดูวิถีชีวิตแบบนี้ได้ยากขึ้น โดยมีฉากหลังเป็นดอยหลวงเชียงดาวอีกด้วย
ข่าว/ภาพ : สกาวรัตน์ ศิริมา สำนักข่าวเนชั่น ศูนย์ข่าวภาคเหนือ