วันนี้ (26 กรกฎาคม 2565) ดร.ลัษมณ อรรถาพิช ที่ปรึกษาผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) นำคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ เข้าพบและหารือการทำงานร่วมกันระหว่าง สกสว. กับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยผู้บริหาร สกสว. ได้นำเสนอกลไกการทำงานของระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) พร้อมตัวอย่างงานวิจัย และนวัตกรรมที่สนับสนุนนโยบาย กทม.
โดย สกสว.ได้วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างนโยบาย กรุงเทพฯ 9 ดี และฐานข้อมูลงานวิจัย ววน. ช่วงปี 63 - 65 ที่สามารถนำมาถอดบทเรียนใช้กับ กทม.ได้ เช่น งานวิจัยด้านโควิด-19 , งานวิจัยด้านปัญหา PM2.5 , งานวิจัยเพื่อสนับสนุนการรณรงค์สิทธิและระเบียบวินัยพลเมืองในเรื่องคอร์รัปชัน
ทั้งนี้ตัวอย่างการทำงานของ กทม. ร่วมกับหน่วยงาน ววน. ที่ผ่านมา ได้แก่ โครงการวิจัยการออกแบบประติมากรรมบนที่สาธารณะกับการมีส่วนร่วมของชุมชน ซึ่งนักวิจัยได้ร่วมกับชุมชนในเกาะรัตนโกสินทร์ , กองจัดรูปที่ดินและฟื้นฟูเมือง สำนักผังเมือง กรุงเทพมหานคร สร้างงานประติมากรรมและการจัดการสิ่งแวดล้อมทางศิลปะในองค์รวม
เช่นการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนย่านตลาดน้อย ที่เกิดการผลักดัน ปรับปรุงสภาพแวดล้อม คุณภาพสาธารณูปโภค อาคารบ้านเรือน เศรษฐกิจ ก้าวสู่ย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่มาจากรากฐานและความต้องการของชุมชน รวมทั้งการใช้แพลตฟอร์มเชื่อมโยงระบบข้อมูลเพื่อนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ ระหว่างนักวิจัย ผู้มีเทคโนโลยี หรือผู้เชี่ยวชาญ กับนักลงทุน ผู้มองหาเทคโนโลยี
ส่วนข้อเสนอแนวทางการทำงานร่วมกัน เพื่อมุ่งสู่ “กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน” ผ่านกลไกเคลื่อนไทยด้วยวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จะใช้กลไกการทำงานในประเด็นที่ กทม. สนใจ และสิ่งที่ สกสว.มี ทั้งงานวิจัยและนวัตกรรมพร้อมใช้ , เครือข่ายวิชาการ เพื่อให้ กทม.ใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและนวัตกรรมในการแก้ปัญหาและพัฒนาพื้นที่ หรือเสนอโจทย์เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกัน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง
นายชัชชาติ กล่าวว่า กทม. พร้อมเป็นหน่วยงานร่วม ทั้งการใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและนวัตกรรม และมีปัญหาที่จะนำไปตั้งเป็นโจทย์วิจัย ซึ่งอยากได้งานวิจัยพร้อมใช้แบบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่ฉีกซองเติมน้ำร้อนกินได้เลย ทั้งนี้สนใจการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 และฝีดาษลิงจากน้ำเสียในชุมชน โดยทำงานเชิงรุกในจุดโฟกัส เช่น แถวนานา
รวมทั้งแนวคิดพฤติกรรมศาสตร์ 4 เรื่อง ได้แก่ ความโปร่งใสและคอร์รัปชัน , ความปลอดภัยทางถนน , สิ่งแวดล้อม และความสะอาด ซึ่งจำเป็นต้องใช้หลักการทางวิชาการเข้ามาช่วย และฝากโจทย์ให้ สกสว.ไปดำเนินการต่อ โดยหลังจากนี้จะมีการประชุมกลุ่มย่อยระหว่าง กทม. และ สกสว. เพื่อทำงานร่วมกับต่อไป
ขณะที่ รศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระบุว่า งานวิจัยเกี่ยวกับย่านนวัตกรรมหรือชุมชนต่าง ๆ อยากให้ตั้งโจทย์ที่มองเห็นคนตัวเล็ก ๆ ที่มีอยู่หลายกลุ่ม รวมถึงปัญหาคนไร้บ้านและคนจนเมือง ที่อยากให้เชื่อมบทบาทของท้องถิ่น รวมทั้งอยากให้ กทม. เป็นหน่วยกลางของแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่มีจำนวนมาก โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมและสุขภาพ นอกจากนี้ยังมีช่องว่างเรื่องการใช้เทคโนโลยี เช่น การแพทย์ทางไกล ที่อาจเป็นช่องเล็กช่องน้อยที่ สกสว.ต้องทำเรื่องการใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและนวัตกรรมโดยเร่งด่วน เพื่อปิดช่องว่างเหล่านี้
ด้าน พญ.วันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เสริมว่าสังคมสูงวัยยังมีกิจกรรมที่จะทำให้ผู้สูงอายุมีชีวิตชีวา และอยู่อย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี สามารถทำงาน ช่วยตัวเองและคนอื่นได้