26 กรกฎาคม 2565 รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบโครงการคนละครึ่งเฟส 5 วงเงิน 2.12 หมื่นล้านบาท โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ตาม พ.ร.ก.เงินกู้ฯ 5 แสนล้านบาท
โครงการ คนละครึ่งเฟส 5 จะสิทธิผู้เข้าร่วมโครงการ ใช้เงินไม่เกินคนละ 800 บาท ตลอดระยะเวลาโครงการ กำหนดจำนวนประชาชนผู้ได้รับสิทธิ 26.5 ล้านคน จะได้รับเงินตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน – 31 ตุลาคม 2565
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดของ คนละครึ่งเฟส 5 ทาง "เนชั่นออนไลน์" จะนำรายละเอียดมาแจ้งให้ทราบต่อไป
สำหรับ โครงการคนละครึ่ง เฟส 4 สิ้นสุดไปเมื่อสิ้นเดือนเมษายน 2565 พบว่า มีผู้ใช้สิทธิทั้งหมด 26.27 ล้านราย มียอดการใช้จ่ายรวม 61,835.1 ล้านบาท แบ่งเป็น
ก่อนหน้านี้ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลว่า มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายรอบใหม่ คงต้องดูภาพรวมให้ครบทุกมิติ โดยรัฐบาลติดตามสถานการณ์อยู่ตอลดเวลา และจะพิจารณามาตรการต่าง ๆ ทั้งมาตรการเดิม มาตรการเพิ่มเติมตามความเหมาะสม เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่ออกมาเป็นความตั้งใจของรัฐบาลที่ต้องประคับประคองประเทศไทยให้พ้นวิกฤต
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2565 นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่า หอการค้าได้เสนอมาตรการ “คนละครึ่งเฟส 5” ต่อรัฐบาลไป เพราะแม้ว่าประชาชนจะเริ่มมีการจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น แต่ก็ยังต่ำกว่าสถานการณ์ตามปกติ ซึ่งควรเร่งกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้น
จากการคำนวน คนละครึ่งเฟส 5 หากมีการให้ คนละ 1,500 บาท รัฐบาลก็จะใช้งบประมาณ ประมาณ 45,000 ล้านบาท (คิดจากจำนวนผู้ใช้สิทธิโครงการ 30 ล้านคน) ส่วนนี้ทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยเงินเข้าระบบ 90,000 ล้านบาท ตรงนี้จากการคำนวนแล้วจะมีการทำให้ GDP ตัวเลขดีขึ้นได้ถึง 0.63-0.65% ในปีนี้ ซึ่งจะช่วยให้การเติบโตของ GDP ประเทศไทยนั้นได้อยู่ช่วงเกิน 3% แน่นอน