svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

“จุลพันธ์” ตัดริบบิ้นซักฟอก นายกฯ เปรียบ “ประยุทธ์” เหมือนคอมพิวเตอร์ตกรุ่น

21 กรกฎาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

“จุลพันธ์” ประเดิมซักฟอก นายกฯ รายแรก เปรียบ “ประยุทธ์” เหมือนคอมพิวเตอร์ตกรุ่น สู้รุ่น “ชัชชาติ-เพื่อไทย” ไม่ได้ บริหารเศรษฐกิจแบบมัดตราสัง อยู่มา 8 ปี ผลาญงบมากกว่านายกฯทุกคนรวมกัน

20 กรกฎาคม 2565 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เป็นคนแรกที่อภิปราย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ถึงความล้มเหลวการบริหารงานด้านเศรษฐกิจ วานนี้(20 ก.ค.) ว่า วันนี้ประชาชนไม่มีความหวังในชีวิต เกิดความยากจนเดือดร้อน เหลือเพียงแต่ความเครียดแค้นชิงชังกับรัฐบาลที่ทำลายชีวิตของเขา ฉุดรั้งประเทศ ฉุดลากชีวิตคนไทยให้จมอยู่ในกองทุกข์ รายจ่ายเพิ่มขึ้นทุกวัน แต่รายรับกลับน้อยลง คนไทยไม่ควรเดือดร้อนขนาดนี้ แต่เพราะคนไทยมีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประเทศไทยอยู่รัฐบาลของ พลเอกประยุทธ์มายาวนาน 8 ปี ทำให้เสียโอกาสมากกมาย เป็น 8 ปีแห่งการทำลายชีวิตคนไทย 8 ปีแห่งมหาวิกฤติของคนไทย โดยวันนี้เราอยู่ในจุดที่นอกจากไม่มีโอกาสแล้ว พลเอกประยุทธ์ยังเปลี่ยนโอกาสเหล่านั้นเป็นวิกฤติ จนทำให้ประชาชนมองไม่เห็นอนาคต

 

“ช่วงที่ไม่มีวิกฤตใดๆในโลก ประเทศหลายประเทศเขาเดินหน้า แต่ประเทศไทยเราหยุดนิ่ง ในช่วงที่มีวิกฤต เช่น วิกฤตโควิด หลายประเทศเขาสะดุดติดขัด แต่ประเทศไทยเราล้มไม่เป็นท่า วันนี้ที่ทั่วโลกวิกฤต เขาผ่านพ้นแล้ว เขากำลังฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิดอย่างแข็งแกร่ง ประเทศไทยเรายังตั้งไข่ไม่ได้”

“จุลพันธ์” ตัดริบบิ้นซักฟอก นายกฯ เปรียบ “ประยุทธ์” เหมือนคอมพิวเตอร์ตกรุ่น

หากไปถามคนไทยทั้ง 70 ล้านคน ทุกคนจะบอกว่าพลเอกประยุทธ์เป็นสาเหตุของความล้มเหลวทางเศรษฐกิจ และทำให้คนไทยต้องจมอยู่ในกองทุกข์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงวิกฤตของผู้นำ พลเอกประยุทธ์เปรียบเหมือนคอมพิวเตอร์ที่ตกรุ่น ไม่สามารถทำการคำนวณแก้ไขปัญหาสมัยใหม่ได้แล้ว ไม่ต่างอะไรกับขยะอิเล็กทรอนิกส์ มีแต่คนรังเกียจ

 

จะไปทิ้งอย่างไร ต้องหาวิธีมากำจัด วันนี้มีคอมพิวเตอร์มาให้เปรียบเทียบมาก เขาเทียบกับคอมพิวเตอร์รุ่นชัชชาติ เขาเทียบกับรุ่นของเพื่อไทย คอมพิวเตอร์รุ่นเพื่อไทยมองเห็นปัญหา มีวิสัยทัศน์ที่จะเข้าไปแก้ไข มีนโยบายที่จะช่วยเหลือหาทางออกให้สังคม คอมพิวเตอร์รุ่นประยุทธ์ต้องรู้แล้วว่าท่านตกรุ่น”

 

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อ ความไร้ความสามารถของพลเอกประยุทธ์ไม่ใช่การข้อกล่าวหาลอยๆ แต่เป็นข้อเท็จจริง ที่สะท้อนผ่านการจัดอันดับความสามารถการแข่งขันของประเทศไทยจาก IMD ที่หล่นลงจากอันดับที่ 26 ไปอันดับ 33 ลดลง 5 ลำดับ เป็นวงจรอุบาทที่พาให้เศรษฐกิจดิ่งลง ทำให้ภาคธุรกิจไม่สามารถแข่งขันได้ เราอยู่กับที่ แต่คู่แข่งวิ่งนำหน้า เราเคยเป็นเสือตัวที่ 5 แต่อยู่กับพลเอกประยุทธ์เรากลายเป็นเห็บ โดยเฉพาะประสิทธิภาพของรัฐบาลตกลงไป 11 อันดับ ตั้งคำถามว่าจะมีใครมาลงทุนในประเทศ สิ่งเหล่านี้แสดงถึงความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจอย่างชัดเจนและน่ากลัว

 

พร้อมแสดงผลจาก World Economic Forum ที่ระบุว่า ปัญหาความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยตกต่ำ 6 เรื่อง ได้แก่ ความไม่มั่นคงของรัฐบาลและการรัฐประหาร  ระบบราชการที่ขาดประสิทธิภาพ  นโยบายไม่มั่นคงเปลี่ยนรัฐบาลและการรัฐประหาร ขาดความสามารถที่เพียงพอในการคิดค้นพัฒนา การทุจริตคอรัปชัน  และรายงานที่มีการศึกษาไม่เพียงพอ

อีกทั้งพลเอกประยุทธ์ บริหารเศรษฐกิจแบบมัดตราสัง ที่ภาคธุรกิจดิ้นไม่ได้ เดินไม่ได้ ขยับไม่ได้ จนต้องปิดตัวเป็นจำนวนมาก กระทบการจ้างงานแรงงานตกงาน มีการย้ายกลับภูมิลำเนา รวมถึงการเปิดประเทศแบบลักปิดลักเปิด กล้าๆกลัวๆ เกิดความเสียหายซ้ำเติมในภาคธุรกิจอย่างมหาศาล นอกจากนี้ การบริหารสถานการณ์โควิดเป็นไปด้วยความผิดพลาด บกพร่อง จนเกิดการกู้เงินมาแจก แต่การแจกเป็นเพื่อการบริโภค ไม่เกิดการสร้างงาน ไม่เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ

 

สำหรับวิกฤตพลังงาน แม้ราคาน้ำมันดิบโลกจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย แต่ราคาน้ำมันดิบโลกก็เพิ่งขยับขึ้นเมื่อ 5-6 เดือนหลัง ซึ่งช่วงที่ราคาน้ำมันดิบโลกอยู่ในระดับต่ำ รัฐบาลไม่เคยสามารถบริหารจัดการสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศและภาคเอกชนได้ กลับกดทับเศรษฐกิจไทยด้วยการเก็บภาษีมาอย่างยาวนาน และเมื่อเกิดวิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครน กองทุนน้ำมันไทยกลับไม่มีความพร้อมรองรับ

“จุลพันธ์” ตัดริบบิ้นซักฟอก นายกฯ เปรียบ “ประยุทธ์” เหมือนคอมพิวเตอร์ตกรุ่น

พร้อมย้ำว่ารัฐบาล ภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ ไม่รู้จักการลงทุน สร้างรายได้ รู้จักแต่สร้างหนี้ ดูจากการจัดเก็บรายได้ในแต่ละปี ที่ไม่เป็นไปตามเป้า ซึ่งตลอด 8 ปีที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ใช้เงินไปแล้ว 30 ล้านล้านบาท ส่งหนี้สาธารณะทะลุ 10 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงกว่า 60% ของจีดีพีของประเทศ ถือเป็นบุคคลล้มละลายทางการเชื่อถือ

 

“นายกรัฐมนตรีก่อนท่าน 28 ท่าน รวมกัน 80 กว่าปี เขาก่อหนี้มา ไม่เท่าท่านใช้เวลา 8 ปี สร้างหนี้ให้กับประเทศ สร้างภาระให้กับลูกหลานและประชาชน”

 

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อ ตนเปิดดูโทรศัพท์แทบตกเก้าอี้ หลังจากนั่งฟังพลเอกประยุทธ์ แถลงด้วยความภูมิใจ ว่าแก้ปัญหาความยากจนได้แล้ว 72% ทั้งที่คนไทย 90% อยู่ในสถานะหลังพิงฝา ต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อกินอยู่

 

นอกจากนี้ พลเอกประยุทธ์ เน้นการสร้างประโยชน์เอื้อทุนใหญ่ ไม่เอื้อให้ประชาชนได้ลืมตาอ้าปาก อีกทั้งประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำสูงสุดในโลก พร้อมกับมอบสโลแกนว่านายกฯ หัวใจคือนายทุน ไม่บริหารเพื่อประชาชนแต่เพื่อกลุ่มทุน มองว่าพลเอกประยุทธ์ปล่อยให้มีการควบรวมกิจการเกิดขึ้นหลายครั้ง ทั้งที่เป็นหน้าที่ของรัฐ ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 เป็นหน้าที่ของรัฐในการกำกับดูแลให้เกิดการแข่งขันในตลาดอย่างเสรีและเป็นธรรม

logoline