svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ศูนย์จีโนมฯคาด ปลายปีนี้ โอมิครอน ‘BA.2.75-BA.3.5.1’ จะเป็นสายพันธุ์หลัก

16 กรกฎาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ศูนย์จีโนมฯคาดการณ์ ปลายปีนี้ โควิดสายพันธุ์โอมิครอนย่อย BA.2.75 และ BA.3.5.1 จะเข้ามาเป็นสายพันธุ์หลัก แทนที่การแพร่ระบาดของ BA.4 กับ BA.5 ในประเทศไทย

ศ.เกียรติคุณ วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยถึงสายพันธุ์โควิดที่กำลังแพร่ระบาดในไทยปัจจุบัน ว่า เป็นโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย คือ BA.4 กับ BA.5 คิดเป็น 3 ใน 4 ส่วน และอีก 1 ส่วนคือ BA.2 

ส่วนความรุนแรงของโรคในผู้ป่วย พบว่า แม้จะติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่อาการไม่รุนแรง ปอดบวมไม่มาก อัตราการเสียชีวิตน้อย แตกต่างจากในหลอดทดลอง ที่เชื้อ มีการแพร่กระจายในเซลล์ปอดรวดเร็วจนทำให้ปอดบวม ซึ่งที่เป็นเช่นนั้น เพราะเซลล์ปอดในหลอดทดลองจะไม่มีการสร้างภูมิคุ้มกันต่อสู้กับเชื้อโรค เหมือนเซลล์ปอดที่อยู่ในร่างกายมนุษย์ จึงทำให้เมื่อคนติดเชื้อ อาการจึงไม่รุนแรง เหมือนสายพันธุ์เดลตา

 

ศูนย์จีโนมฯคาด ปลายปีนี้ โอมิครอน ‘BA.2.75-BA.3.5.1’ จะเป็นสายพันธุ์หลัก

เช่นเดียวกับสายพันธุ์ย่อยที่พบใหม่ อย่าง  BA.2.75 และ BA.3.5.1 แม้จะยังไม่เข้าไทย แต่ยังพบจากทั่วโลกติดเชื้อไม่ถึง 100 คน ซึ่งจากการศึกษาพบว่า มีอัตราการกลายพันร้อยกว่าตำแหน่ง ส่งผลให้แพร่เชื้อเร็ว แต่ยังคงต้องรอศึกษาความรุนแรง ซึ่งคาดว่า อาจไม่เทียบเท่าเดลตา และเชื่อว่า ปลายปี 2565 สายพันธุ์ BA.2.75 และ BA.3.5.1 จะเข้ามาเป็นสายพันธุ์ของไทย ตามการปรับตัวของไวรัสให้เข้ากับคนหรือสภาพแวดล้อม

ดังนั้น การทำงานของ ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดีมหาวิทยาลัยมหิดลปัจจุบัน จึงต้องปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลงของเชื้อไวรัสด้วย จากเมื่อก่อน เชื้อเข้ามาในไทยแล้วจึงทราบว่าเกิดกระจายไปเท่าไหร่ หรือมีเชื้อนี้หรือไม่ แต่ปัจจุบัน ได้ทำการใส่รหัสในชุดตรวจ เพื่อตรวจหาสายพันธุ์ใหม่ๆที่ยีงไม่เข้าไทยได้แล้ว ซึ่งการทำงาน จะมีเจ้าหน้าที่ สลับเปลี่ยนกันเข้าเวร มาถอดรหัสพันธุกรรมสายพันธุ์ทุกวัน

..

ขอขอบคุณที่มาข้อมูลจาก  : ศูนย์จีโนมทางการแพทย์

ศูนย์จีโนมฯคาด ปลายปีนี้ โอมิครอน ‘BA.2.75-BA.3.5.1’ จะเป็นสายพันธุ์หลัก

นอกจากนี้ มีการนำผลศึกษาล่าสุดมาเปิดเผย พบว่า โอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.5 ต้านทานวัคซีน  mRNA ทั้งไฟเซอร์ โมเดอร์นา ได้มากกว่าสายพันธุ์อื่นถึง 4 เท่า คนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนมีโอกาสติดเชื้อเสียชีวิตสูงขึ้น 14-15 เท่า

โดยสำนักข่าวดัง อย่างสำนักข่าวซินหัว รายงานข่าวว่า ผลการศึกษาใหม่ที่เผยแพร่ในวารสารเนเจอร์ (Nature) ระบุว่า โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ชนิดโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.5 ซึ่งปัจจุบันเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐ สามารถต้านทานวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้มากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ถึง 4 เท่า


ผลการศึกษาพบว่าโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.5 สามารถต้านทานวัคซีนชนิด mRNA ได้มากกว่าโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยก่อนหน้าอื่นๆ ถึง 4 เท่า ซึ่งรวมถึงวัคซีนไฟเซอร์และโมเดอร์นา

 

คลินิกมาโย (Mayo Clinic) ของสหรัฐฯ ระบุในรายงานว่า

โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.5 แพร่เชื้อได้สูงมาก และมีส่วนทำให้จำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และในแผนกผู้ป่วยหนักเพิ่มขึ้น

 

อ้างอิงข้อมูลล่าสุด จากทาง ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐบ่งชี้ว่า โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.5 ครองสัดส่วน 65% ของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศในช่วงสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 9 ก.ค. 65

 

"ผู้ที่ยังไม่ได้เข้ารับวัคซีนมีโอกาสติดเชื้อไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.5 มากกว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนพื้นฐานและวัคซีนโดสกระตุ้นราว 5 เท่า ขณะที่โอกาสเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลสูงขึ้น 7.5 เท่า และโอกาสเสียชีวิตสูงขึ้น 14-15 เท่า" ดร. เกรกอรี โปแลนด์ หัวหน้ากลุ่มวิจัยวัคซีนของคลินิกฯ กล่าว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง ที่มา ฐานเศรษฐกิจออนไลน์ 
โอมิครอน BA.5 ต้านทานวัคซีน  mRNA มากกว่าสายพันธุ์อื่น 4 เท่า
 

ศูนย์จีโนมฯคาด ปลายปีนี้ โอมิครอน ‘BA.2.75-BA.3.5.1’ จะเป็นสายพันธุ์หลัก

ศูนย์จีโนมฯคาด ปลายปีนี้ โอมิครอน ‘BA.2.75-BA.3.5.1’ จะเป็นสายพันธุ์หลัก

logoline