svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

กรมวิทย์ฯ ยอมรับโควิด“BA.4-BA.5” ระบาดเพิ่มต่อเนื่อง ล่าสุดพบผู้ป่วย 72%

11 กรกฎาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด โอมิครอน BA.4 และ BA.5 เพิ่มต่อเนื่อง ล่าสุดสูงผู้ป่วยสูงถึง 72% แต่ยังสรุปไม่ได้ว่าส่งผลให้อาการรุนแรง ขอเก็บตัวอย่างและข้อมูลต่อ เพื่อให้ตัวเลขชัดเจน

11 กรกฎาคม 2565 นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงข่าวเฝ้าระวังโควิด โอมิครอน สายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ว่า  จากการเฝ้าระวังโอมิครอนสายพันธุ์ต่างๆ ช่วงวันที่ 2-8 ก.ค.2565 ตรวจกลุ่มตัวอย่าง 570 ราย พบผู้ติดเชื้อ แยกเป็น 

  • BA.1 จำนวน 5 ราย 
  • BA.2 จำนวน 283 ราย 
  • สายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 รวมกัน 280 ราย  
  • ไม่ชัดเจนอยู่ 2 ราย 

 

อย่างไรก็ตาม หากแยกกลุ่มที่เดินทางมาจากต่างประเทศพบว่า ส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์  BA.4 และ BA.5 ถึง 78.4%  ส่วนการติดเชื้อในประเทศแบ่งออกเป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร และภูมิภาค ข้อมูลจนถึงเดือนพ.ค. 2565 พบว่า ใน 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ที่พบ BA.4 และ BA.5 มากที่สุด

 

กรมวิทย์ฯ ยอมรับโควิด“BA.4-BA.5” ระบาดเพิ่มต่อเนื่อง ล่าสุดพบผู้ป่วย 72%

 

นพ.ศุภกิจ กล่าวอีกว่า กทม.เริ่มพบสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จาก 12.7%  ขึ้นเป็น 50.8%  68% และมาถึง 72.3%  ส่วนภูมิภาคก็เช่นกัน เริ่มตั้งแต่ 6.5% ขึ้นเป็น 17.4% และมาถึง34.7% ดังนั้น สายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 จะเริ่มแซงสายพันธุ์ BA.2 และ BA.1 แต่ไม่ได้แซงเร็วมากนัก 

 

สำหรับสัดส่วนสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 พบทั้ง 13 เขตสุขภาพ ยกเว้นเขต 3 พบไม่มาก เนื่องจากส่งตัวอย่างแค่หลับสิบ จึงจำเป็นต้องมีการส่งตัวอย่างเพิ่ม ส่วนเขตสุขภาพที่พบมากที่สุด คือ เขต 13 พื้นที่กรุงเทพฯ

 

 

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า  ส่วนเรื่องความรุนแรงของ BA.4 และ BA.5 เป็นอย่างไรนั้น ได้มีการสุ่มตรวจสายพันธุ์ในกลุ่มตัวอย่าง แบ่งเป็นคนมีอาการรุนแรง และอาการไม่รุนแรง โดยพื้นที่กรุงเทพมหานคร พบว่า คนที่อาการไม่รุนแรงพบ BA.4 และ BA.5 อยู่ประมาณ 72% 

 

กรมวิทย์ฯ ยอมรับโควิด“BA.4-BA.5” ระบาดเพิ่มต่อเนื่อง ล่าสุดพบผู้ป่วย 72%

 

ส่วนคนที่อาการรุนแรง ปอดอักเสบจนต้องเข้ารพ. หรือ ใส่ท่อช่วยหายใจ รวมทั้งรุนแรงจนเสียชีวิต มีข้อมูล 13 ราย พบเป็น BA.4 และ BA.5 อยู่ 77%   ส่วนพื้นที่ภูมิภาค คนที่อาการไม่รุนแรงมี 309 ราย พบ BA.4 และ BA.5 อยู่ 33%  ส่วนคนที่อาการรุนแรง 45 รายพบสัดส่วน BA.4 และ BA.5 อยู่ที่ 46.67%

 

“ข้อมูลดังกล่าวพบว่า BA.4 และ BA.5 ในกลุ่มอาการรุนแรงสัดส่วนมากกว่าอาการไม่รุนแรง แต่ก็ยังสรุปไม่ได้ว่า สายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 มีความรุนแรงชัดเจน เนื่องจากตัวเลขยังน้อยอยู่ เพราะจริงๆตามข้อมูลทางสถิติต้องมีตัวเลขมากกว่านี้เป็นหลักหลายร้อยราย เพื่อตัดตัวเลขที่อาจแกว่งได้  และตัวเลขเราก็ยังไม่ได้แยกว่า ใครได้รับวัคซีน หรือไม่ได้รับวัคซีน  อย่างไรก็ตาม ตัวเลขในกทม. 13 รายเป็นผู้เสียชีวิตกว่าครึ่งหนึ่ง จริงๆ ความรุนแรงเราต้องได้ข้อมูลอื่นๆ อย่างปอดอักเสบ ใส่ท่อช่วยหายใจ เป็นต้น  ขณะนี้ได้ขอความร่วมมือทุกพื้นที่ในการส่งตัวอย่างเพิ่มเติม ” อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าว

นพ.ศุภกิจ กล่าวอีกว่า องค์การอนามัยโลกได้ติดตามข้อมูลเป็นสัปดาห์ๆ พบว่า  BA.5 เพิ่มขึ้นจากที่เคยตรวจ 37% ใน 83 ประเทศ เป็น 52% ส่วน BA.4 จาก 11% เป็น12% หมายความว่า หาก BA.4 และ BA.5 อาจแพร่เร็วไม่เท่ากัน แต่ BA.5 เร็วขึ้นแน่ๆ แต่ BA.4 ยังทรงๆ ส่วน BA.1 และ BA.2 กลับลดลง ถูกเบียดไป

 

มีการตามประเด็นว่า แพร่เร็วแค่ไหน รุนแรงหรือไม่ หลบภูมิคุ้มกันหรือไม่อย่างไร ซึ่งเรื่องความรุนแรง องค์การอนามัยไม่ได้ให้น้ำหนักมาก บอกเพียงว่า ความรุนแรงไม่ได้แตกต่างมากนัก แต่การแพร่เร็ว พบว่า เร็วกว่าแน่ ส่วนมีผลต่อการหลบภูมิคุ้มกันหรือไม่ ก็พบว่า ลดลง ขณะที่อังกฤษ พบว่า มีการแพร่เร็วสูงกว่าเดิม ส่วนความรุนแรงจัดว่าอยู่ในระดับสีเหลือง เพราะข้อมูลยังน้อย  ขณะที่หลบภูมิฯ คิดเช่นนั้น เพียงแต่ข้อมูลยังไม่เยอะมาก ซึ่งก็คล้ายประเทศไทย ต้องติดตามต่อไป

 

กรมวิทย์ฯ ยอมรับโควิด“BA.4-BA.5” ระบาดเพิ่มต่อเนื่อง ล่าสุดพบผู้ป่วย 72%

 

สำหรับงานวิจัยญี่ปุ่น ซึ่งเป็นข้อมูลห้องทดลองพบว่า การกลายพันธุ์มีผลต่อการเพิ่มจำนวนไวรัส  และดื้อต่อภูมิคุ้มกันที่เกิดจาก BA.1 และ BA. 2 คือ ใครที่ติดเชื้อมาก่อน ติดซ้ำ BA.4 และ BA.5 ได้  ในเซลล์ปอดมนุษย์พบว่า แพร่ได้เร็วกว่า BA.2  และในหนูแฮมสเตอร์พบว่า กลุ่มติดเชื้อ BA.4 และ BA.5 มีอาการหนักกว่า BA.2 อันนี้คือข้อมูลเอกสารวิจัยรอตีพิมพ์ของญี่ปุ่น ดังนั้น จากข้อมูลทั้งหมดมีแนวโน้ม BA.4 และ BA.5 มากขึ้น แต่ชุกชุมในกรุงเทพมหานคร ส่วนความรุนแรงมีแนวโน้มว่า พบมากใน BA.4 และ BA.5  แต่ตัวเลขยังน้อยอยู่

 

 “ขอย้ำว่า BA.4 และ BA.5 ยังไม่สรุปว่ารุนแรง  แต่เบื้องต้นน่าจะเป็นเช่นนั้น เมื่อเช้าประชุมอีโอซีได้ขอความร่วมมือรพ.สังกัดมหาวิทยาลัย สังกัดกทม. ฯลฯ ขอให้มีการเก็บตัวอย่างคนปอดอักเสบจนนอนรพ. หรือใส่ท่อช่วยหายใจ รวมทั้งผู้เสียชีวิต ขอให้ส่งตรวจเพิ่มขึ้น เพื่อให้ข้อมูลชัดเจนและมั่นใจมากขึ้น” นพ.ศุภกิจ กล่าว

 

เมื่อถามว่า สัปดาห์หน้าจะมีการเปิดเผยข้อมูลตรวจภูมิคุ้มกันผู้รับวัคซีนต่อเชื้อ BA.4 และ BA.5 อย่างไร นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า เป็นข้อมูลภาพรวม ซึ่งวัคซีนมีหลายสูตร และมีเรื่องการฉีดกี่เข็ม ก็จะทยอยข้อมูลออกมาว่า สรุปแล้วหลบภูมิฯหรือไม่ หรืออย่างไร

 

กรมวิทย์ฯ ยอมรับโควิด“BA.4-BA.5” ระบาดเพิ่มต่อเนื่อง ล่าสุดพบผู้ป่วย 72%

logoline