สำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมของสหประชาชาติหรือ UNODC เปิดเผยรายงานสถานการณ์ยาเสพติดประจำปี พบว่าทั่วโลกมีการใช้กัญชาเพื่อการผ่อนคลายมากขึ้น หลังจากที่หลายประเทศอนุญาตให้สูบกัญชาหรือใช้กัญชาเป็นส่วนผสมของสินค้าได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้งการแพร่ระบาดของโควิดในปีที่ผ่านมา ที่มีการล็อกดาวน์ และเศรษฐกิจที่ถดถอย ก็ทำให้คนจำนวนมากเกิดความเครียดและหันมาใช้กัญชาในชีวิตประจำวันมากขึ้น
รายงานของ UNODC พบว่ากลุ่มอายุคนที่เริ่มหันมาใช้กัญชามากที่สุดคือวัยผู้ใหญ่ที่ยังเป็นหนุ่มเป็นสาว (Young Adults) รวมทั้งกลุ่มคนที่มีปัญหาเรื่องความเครียดและมีความเสี่ยงที่จะฆ่าตัวตายก็หันมาใช้กัญชากันมากขึ้น ขณะที่กลุ่มวัยรุ่นที่ใช้กัญชาไม่ได้เพิ่มขึ้นมากเท่าไร
ในปี 2020 สหประชาชาติได้มีมติถอดกัญชาออกจากบัญชีสารเสพติดอันตรายในตารางที่ 4 ซึ่งหมายถึงสารเสพติดที่อันตรายที่สุด เทียบเท่ากับเฮโรอีน เพื่อเป็นการปลดล็อกให้มีการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์และการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น แต่ยังเตือนว่าการใช้กัญชาเพื่อการผ่อนคลายยังคงมีความอันตรายอยู่
นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า คนทั่วโลกประมาณ 284 ล้านคน หรือ 5.6% ของประชากรทั้งโลก เคยเสพยาเสพติดร้ายแรงอย่างเฮโรอีน โคเคน ยาบ้า ในจำนวนนี้ 209 ล้านคนเป็นผู้ใช้กัญชา ซึ่งปี 2020 ที่ผ่านมา การผลิตโคเคนเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ มีการลักลอบขนส่งทางทะเลมากขึ้น โดยเฮโรอีนยังคงเป็นยาเสพติดที่มีอันตรายร้ายแรงที่สุดในโลก