svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

หมอธีระ เผยข้อมูล WHO ทำไมโควิด "โอมิครอน" BA.4 BA.5 จึงน่ากังวล!!

25 มิถุนายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

น่ากังวล "โอมิครอน" BA.4 BA.5 หมอธีระ เปิดข้อมูลจาก WHO ถึงสาเหตุการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ที่เพิ่มสูงขึ้น พบการศึกษาในสัตว์ทดลองและเซลล์ในหลอดทดลอง โอมิครอนสายพันธุ์ย่อยจับกับเซลล์ปอดมากขึ้น ผวาไทยมีสัดส่วนตรวจพบ BA.4 BA.5 สูงถึง 45.71%

24 มิถุนายน 2565 โควิด “โอมิครอน” สายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 น่ากังวล ล่าสุด “หมอธีระ” รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “Thira Woratanarat” เปิดข้อมูลจาก องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ถึงสาเหตุของการแพร่ระบาดของ “โอมิครอน” สายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ที่เพิ่มมากขึ้น มีเนื้อหาดังนี้


 อัพเดตการระบาดของ โอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.4 BA.5 จาก WHO 

WHO ออกรายงาน WHO Weekly Epidemiological Update เมื่อ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา ปัจจุบันสายพันธุ์หลักของการระบาดทั่วโลกยังคงเป็น BA.2 และลูกหลาน (BA.2.x) รวมแล้ว 48% 

 

แต่จากระบบเฝ้าระวังทั่วโลก พบว่า ปัจจุบัน โอมิครอน สายพันธุ์ย่อย มีการระบาดดังนี้ 

  • BA.2.12.1 ระบาดไปแล้ว 69 ประเทศ
  • BA.4 58 ประเทศ
  • BA.5 62 ประเทศ

 

WHO ถือเป็น 3 สายพันธุ์ที่เป็นที่ น่ากังวล เพราะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

หมอธีระ เผยข้อมูล WHO ทำไมโควิด "โอมิครอน" BA.4 BA.5 จึงน่ากังวล!!

ทั้งนี้สัดส่วนของการระบาดทั่วโลกจากแต่ละสายพันธุ์นั้นพบว่า BA.2.12.1 ครองการระบาดอยู่ 17%, BA.4 9%, และ BA.5 25%

 

ที่กังวลกันมากเพราะ “โอมิครอน” สายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 นั้น มีการกลายพันธุ์หลายตำแหน่ง และแตกต่างจาก BA.2 อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกลายพันธุ์ที่ตำแหน่ง S:L452 ซึ่งทำให้มีสมรรถนะในการแพร่เชื้อมากขึ้นกว่าสายพันธุ์ “โอมิครอน” เดิม ในขณะที่เรื่องความรุนแรงของโรคนั้น ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะสรุปได้

 

อย่างไรก็ตามเคยมีงานวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ ศึกษาในสัตว์ทดลองและเซลล์ในหลอดทดลอง พบว่า สายพันธุ์เหล่านี้จะจับกับเซลล์ปอดได้มากขึ้น และทำให้เกิดพยาธิสภาพมากกว่าสายพันธุ์เดิม จึงทำให้ต้องติดตามกันต่อไปว่าหากแพร่ระบาดในคนจำนวนมากแล้วจะทำให้ป่วยมากขึ้น ตายมากขึ้นหรือไม่

 

อย่างไรก็ตาม ตัวชี้วัดสำคัญ ทั้งจำนวนติดเชื้อใหม่ จำนวนผู้ป่วย และอัตราการป่วยจนต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลในหลายต่อหลายประเทศทั่วโลกนั้นสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในรอบสองสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงเป็นหลักฐานสำคัญที่สะท้อนว่า BA.4 และ BA.5 น่าจะดุกว่าเดิมแน่
 

หมอธีระ เผยข้อมูล WHO ทำไมโควิด "โอมิครอน" BA.4 BA.5 จึงน่ากังวล!!

 สำหรับสถานการณ์ไทยเรา 
ภาวะที่ส่วนตัวแล้วหนักใจที่สุดคือ การที่ประชาชนได้รับข้อมูลอัพเดตที่ไม่เพียงพอ และไม่ทันต่อสถานการณ์ ซึ่งจะส่งผลต่อความตระหนัก การรับรู้สถานการณ์ และการตัดสินใจประพฤติปฏิบัติตัว

 

ดังจะเห็นได้จากเรื่องล่าสุดคือ BA.4 และ BA.5 ที่คนส่วนใหญ่ในสังคมเพิ่งได้ทราบจากข่าวเมื่อคืนนี้ว่า ไทยเรามีสัดส่วนตรวจพบ BA.4 และ BA.5 สูงถึง 45.71% แล้ว 

 

 มองเรื่องระบบเฝ้าระวังทั่วโลก 

ในประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศพัฒนาแล้ว จะมีระบบเฝ้าระวังที่แจ้งให้ประชาชนได้ทราบอย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง และทันสถานการณ์ ทำให้มีความรู้เท่าทัน ระแวดระวัง และตัดสินใจประพฤติปฏิบัติได้เหมาะสมกว่าการที่มารู้ตอนที่เป็นกันหนักแล้ว

 

ระบบเฝ้าระวังโรคติดต่อสำคัญที่ทุกประเทศมีนั้น ล้วนมีหลักการและกลไกการทำงานคล้ายกัน เก็บข้อมูลสำคัญ วิเคราะห์แนวโน้ม และเตือนให้ทราบ มิใช่การตามเก็บข้อมูล แต่เก็บไว้รู้กันเฉพาะภายใน ความแตกต่างของประสิทธิภาพของระบบเฝ้าระวังของแต่ละประเทศจะอยู่ที่การนำข้อมูลนั้นไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนควบคุมป้องกันโรคอย่างทันท่วงที

 

หมอธีระ เผยข้อมูล WHO ทำไมโควิด "โอมิครอน" BA.4 BA.5 จึงน่ากังวล!!

 

ที่สำคัญคือ หากให้ความสำคัญกับชีวิตประชาชน ก็จำเป็นต้องรวม"ประชาชนทุกคน"ไว้เสมือนกลไกสำคัญในระบบสุขภาพ เมื่อมีข้อมูลรายละเอียดก็ต้องแจ้งให้ทราบแบบ real time สม่ำเสมอ เพื่อให้กลไกประชาชนได้เป็นส่วนหนึ่งของระบบการป้องกันควบคุมโรค ไม่ใช่ให้รอนโยบาย มาตรการ แนวทางปฏิบัติแบบ Top down เมื่อเข้าสู่วิกฤติไปแล้ว ซึ่งมักจะไม่ทันท่วงที และเสี่ยงต่อความสูญเสีย ทั้งเรื่องติดเชื้อ ป่วย ตาย หรือปัญหาผลกระทบระยะยาว ดังที่เห็นจากประสบการณ์ในอดีตมากมายหลายเรื่อง

 

นี่คือหลักการที่จะทำให้สังคมนั้นพัฒนาไปสู่ Health literate society ที่จะสามารถรับมือกับภัยคุกคามในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

คำว่า "ไม่ปกปิด" นั้นมีความหมายลึกซึ้ง เพราะไม่ใช่หมายความแค่เปิดให้เห็น แต่ควรหมายถึงเปิดให้เห็นครบถ้วนสมบูรณ์ โดยข้อมูลนั้นมีรายละเอียดลึกซึ้งเพียงพอ ทำให้เข้าใจได้ชัดเจน และที่สำคัญที่สุดคือ ทันสถานการณ์ ไม่ควรเป็นแบบเปิดเมื่ออยากเปิด และเปิดเท่าที่อยากเปิด เพราะจะกลายเป็น"ปกปิดในช่วงเวลาที่ต้องการ" และ"ปกปิดในส่วนที่ไม่อยากให้รู้"นั่นเอง

 

หมอธีระ เผยข้อมูล WHO ทำไมโควิด "โอมิครอน" BA.4 BA.5 จึงน่ากังวล!!

หากเข้าใจเช่นนี้ ทุกประเทศจึงควรประเมินสิ่งที่ดำเนินมาว่าเป็นไปในทางที่ควรเป็นจริงหรือไม่? มีจุดใดที่สำคัญและควรนำไปปรับปรุงแก้ไขโดยเร็ว ก่อนที่จะเกิดวิกฤติสูญเสียซ้ำซากจนนำไปสู่ภาวะประชาชนชาชินกับ"ความไม่เชื่อมั่น ไม่เชื่อมือ และไม่เชื่อใจ"หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และต้องเอาตัวรอดด้วยการพึ่งพาตนเองในทุกเรื่อง
 
...ควบคุม มิใช่ติดตาม
สุขภาพ มิอาจต้านทาน
มัวเมา โง่เขลา มิอาจรู้
ประเทศชาติ มิอาจละเลย...

 

" สำคัญที่สุดที่ต้องเน้นย้ำคือ การใส่หน้ากากเสมอ ใช้ให้คุ้นชิน เป็นอวัยวะที่ 33 ของร่างกายเรา เวลาออกตะลอนนอกบ้าน เป็นเรื่องที่จำเป็น ท่ามกลางสถานการณ์ระบาดที่ยังเป็นไปอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ Health consciousness เป็นหัวใจในการปกป้องสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตของแต่ละคน " หมอธีระ ย้ำในตอนท้าย

 

หมอธีระ เผยข้อมูล WHO ทำไมโควิด "โอมิครอน" BA.4 BA.5 จึงน่ากังวล!!

logoline