24 มิถุนายน 2565 “หมอธีระ” รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “Thira Woratanarat” ห่วงการแพร่ระบาดของ ฝีดาษลิง พร้อมเปิดกลุ่มเสี่ยงว่ามีกลุ่มใดบ้าง ย้ำการป้องกันตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ ขณะสถานการณ์โอมิครอน BA.4 และ BA.5 เริ่มน่ากังวล เมื่อมีจำนวนผู้ที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเพิ่มขึ้น มีเนื้อหาดังนี้
คนทำงานในธุรกิจอุตสาหกรรมด้านบริการและบันเทิงอาจต้องระมัดระวังให้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งพนักงานบริการในรูปแบบต่างๆ ที่ต้องคลุกคลี สัมผัสใกล้ชิดลูกค้า เพราะฝีดาษลิงนั้นมีการขยายตัวไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว จาก 63 ราย ณ 18 พฤษภาคม 2565 ผ่านไปเพียงเดือนเดียว พุ่งไปเป็น 3,453 ราย ณ 22 มิถุนายน 2565 ใน 55 ประเทศทั่วโลก กระจายทุกทวีป เพิ่มขึ้นถึงกว่า 50 เท่า ส่วนใหญ่มาจากการสัมผัสใกล้ชิดทางกาย
สำหรับไทยเรา แหล่งท่องเที่ยวที่มีสถานบันเทิงกลางคืนจำนวนมาก และมีบริการใกล้ชิด รวมถึงการมีความสัมพันธ์ทางเพศในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะระหว่างเพศเดียวกัน หรือต่างเพศก็ตาม รวมถึงคนชอบเที่ยวหาความสัมพันธ์แบบ ONS ด้วย
ขอให้สังเกตอาการผิดปกติของคนที่เราไปสัมผัสใกล้ชิดด้วยเสมอ หากพบว่ามีไข้ ผื่น ตุ่ม หรือแผล ก็ขอให้หลีกเลี่ยงไม่ไปบริการหรือคลุกคลีใกล้ชิด และรีบไปตรวจรักษาโดยเร็ว
หมอธีระ ระบุว่า ดูการขยายตัวของการระบาดเช่นนี้ เป็นแบบ pandemic อย่างไม่ต้องสงสัย แม้จำนวนยังไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับโรคโควิด-19 แต่ประชาชนในแต่ละประเทศก็จำเป็นต้องรู้เท่าทันสถานการณ์ และป้องกันตัวเองให้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประชากรที่อาจมีอาชีพเสี่ยง หรืออยู่ในกิจการกิจกรรมหรือสถานที่เสี่ยง
นอกจากนี้ หมอธีระ ยังคงกังวลถึงการแพร่ระบาดของ โควิด-19 โอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 โดย อัพเดตสถานการณ์ระบาดในสหราชอาณาจักร ระบุว่า
ข้อมูลปัจจุบันชี้ให้เห็นว่า กำลังเจอระบาดระลอกใหม่จากไวรัส Omicron สายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 อย่างชัดเจน โดยส่งผลให้จำนวนติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น และที่สำคัญคือจำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการดูแลรักษาในโรงพยาบาลสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
สถานการณ์ของไทยเรานั้น ล่าสุดยกเลิกมาตรการต่างๆ ไปมาก ทำให้มีความเสี่ยงระหว่างการใช้ชีวิตประจำวันสูงขึ้น หากเหลียวมองรอบตัวจะพบว่ามีคนติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
ยิ่งเมื่อวานนี้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยให้สวมหน้ากากอนามัยโดยสมัครใจทั่วประเทศภายใต้ conditions ต่างๆ จึงขอเรียนเน้นย้ำให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างมีสติ มีความใส่ใจต่อสุขภาพและสวัสดิภาพของตนเองและครอบครัว
" นาทีนี้ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน โควิด...ไม่กระจอก และไม่ใช่หวัดธรรมดา ติดเชื้อแล้วไม่ใช่แค่ชิลๆ แต่ป่วยได้ ตายได้ และที่สำคัญที่สุดคือ มีความเสี่ยงต่อภาวะผิดปกติระยะยาวอย่าง Long COVID ได้ การใส่หน้ากากเสมอ ใช้ให้คุ้นชิน เป็นอวัยวะที่ 33 ของร่างกาย จะช่วยลดความเสี่ยงไปได้มาก "
อัพเดต Long COVID ในเด็กและวัยรุ่น
ล่าสุด Lopez-Leon S และทีมจากประเทศสหรัฐอเมริกา ทำการทบทวนข้อมูลวิชาการอย่างเป็นระบบ เผยแพร่ในวารสารทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ Scientific Reports ในเครือ Nature เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา
ประมวลผลจากงานวิจัยทั่วโลก 21 ชิ้น โดยมาจากเด็กและวัยรุ่นที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 จำนวน 80,071 คน พบว่า อัตราการเกิดภาวะ Long COVID มีสูงถึง 1 ใน 4 (25.24%) โดยอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นมีหลากหลายระบบของร่างกาย รวมถึงภาวะผิดปกติทางอารมณ์
อาการที่พบบ่อยสุด ดังนี้
แม้งานวิจัยต่างๆ ที่ทำการทบทวนรวบรวมมาอย่างเป็นระบบนั้น จะมีรายละเอียดระเบียบวิธีวิจัยแตกต่างกันมาก แต่ผลการงานวิจัยนี้ได้ชี้ให้เห็นแนวโน้มว่า อาการผิดปกติระยะยาว หรือ Long COVID ในเด็กและวัยรุ่นนั้นมีโอกาสเกิดได้มากพอสมควร และมากกว่าที่หลายคนเคยประเมินกันไว้ก่อนหน้านี้ว่าโอกาสเกิดน้อยกว่าผู้ใหญ่
“ จึงเป็นข้อมูลวิชาการที่ทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญ ที่ผู้ใหญ่ คุณพ่อคุณแม่ รวมถึงคุณครู จะต้องช่วยกันดูแล ให้คำแนะนำเด็กๆ และวัยรุ่น เพื่อป้องกันตัวไม่ให้ติดเชื้อ ”
อ้างอิง : Lopez-Leon S et al. Long-COVID in children and adolescents: a systematic review and meta-analyses. Scientific Reports. 23 June 2022.