นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ได้สั่งการเป็นนโยบายสำคัญของกรมชลประทานเรื่องการกำจัดผักตบและวัชพืช เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคในการระบายน้ำช่วงฤดูน้ำหลาก และอำนวยความสะดวกในการใช้บริการสัญจรทางน้ำของประชาชน
ทั้งนี้กรมมีแผนกิจกรรมการกำจัดผักตบชวาต่อเนื่องทั้งปี กำหนดเป็นการเก็บใหญ่และเก็บย่อย ซึ่งเป็นไปตามข้อสั่งการของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ อย่างไรก็ตามในช่วงต้นฤดูฝนเดือนพ.ค.ที่ผ่านมามีปริมาณฝนตกในพื้นที่ตอนเหนือส่งผลให้ผักตบชวาจากทุกลำน้ำไหลมารวมกันจำนวนมากหน้าอาคารชลประทาน จึงให้เร่งเก็บทันที
ทั้งนี้ได้กำชับให้ทุกพื้นที่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบมาตรการดังกล่าวเพื่อขอความร่วมมือในการรักษาสภาพลำน้ำหรือเพื่อแจ้งปัญหาในพื้นที่
"ล่าสุดสำนักเครื่องจักรกลกรมชลประทาน ได้เร่งกำจัดผักตบชวาและวัชพืชที่ไหลมารวมบริเวณเขื่อนทดน้ำบางปะกง ตำบลบางแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นอาคารชลประทานในแม่น้ำบางปะกง ทำให้เกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ไม่สามารถสัญจรทางน้ำ สำนักเครื่องจักรกล ได้ระดมเครื่องจักรขนาดใหญ่และ เครื่องมือต่าง ๆ เข้าไปเสริมเพื่อเร่งกำจัดผักตบชวาฯ ทั้งนี้กำชับให้ทุกพื้นที่จัดเก็บต่อเนื่องตามแผนปฏิบัติการ"นายประพิศ กล่าว
นายเอนก ก้านสังวอน ผู้อำนวยการสำนักเครื่องจักรกล กล่าวว่า สำนักฯได้ทำข้อตกลงร่วมกันกับสำนักชลประทาน 1-17 ในเรื่องความร่วมมือการกำจัดวัชพืชและผักตบชวารวมทั้งสิ่งกีดขวางทางน้ำ โดยกำหนดให้แต่สำนักรับผิดชอบดูแลพื้นที่ตนเอง ซึ่งสำนักเครื่องจักรกลได้ส่งเรือนวัตกรรมกำจัดวัชพืชขนาดเล็กไปประจำแต่ละสำนักปัจจุบันส่งมอบแล้ว 222 ลำ
กรณีมีวัชพืชมากสำนักเครื่องจักรกลส่วนกลางจะสนับสนุนเครื่องจักรขนาดใหญ่ไปช่วยจัดเก็บ เช่นกรณีเขื่อนทดน้ำบางปะกง ซึ่งมีปริมาณผักตบตามน้ำมาจำนวนมาก โดยติดตั้ง Log Boom หรือทุ่นดักผักตบชวาที่บริเวณคลองบางขนาก อ.บางน้ำเปรี้ยว เหนือเขื่อนทดน้ำบางปะกง เพื่อดักผักตบชวาบางส่วนก่อนถึงตัวเขื่อนทดน้ำบางปะกง
สำหรับเรือนวัตกรรมฯนั้นสำนักเครื่องจักรกลได้จัดสร้างขึ้นเองเพื่อใช้เก็บผักตบชวาในคลองขนาดเล็ก โดยเรือ 1 ลำสามารถเก็บผักตบชวาได้ประมาณ 10 ตันต่อชั่วโมง ส่งผลให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายแห่งแจ้งความจำนงต้องการให้สำนักฯช่วยผลิตให้ประมาณ 400 ลำ ซึ่งอยู่ระหว่างหารือร่วมกันถึงวิธีการดำเนินการ เพราะถือเป็นเครื่องจักรที่มีความสำคัญในการดำเนินการดังกล่าว