svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

“เสธ. ทอ.” นำเยาวชนชมภาพยนตร์ "ท็อปกัน 2"

01 มิถุนายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เสนาธิการ ทหารอากาศ พาเยาวชน ชม ภาพยนตร์ "ท็อปกัน 2" สร้างแรงบันดาลใจ "ความมั่นคง" ยืนยันซื้อเครื่องบินล่องหน "F-35" ตอบโจทย์ ทดแทน เครื่องบินรบที่ทยอยปลดประจำการ ไม่ท้อ ไม่ผ่านงบ 66 เตรียมเสนอต่อปีหน้า

พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล เสนาธิกาทหารอากาศ เป็นประธานจัดกิจกรรม “Road To Top Gun ทัพฟ้าพาฝันปั้นนักบินรบ" ด้วยการนำเยาวชนจากโรงเรียนในพื้นที่รอบกองทัพอากาศมารับชมภาพยนตร์เรื่อง  "ท็อปกัน มาเวอริค" โดยกิจกรรมวันนี้มีวัตถุประสงค์หลักก็คือการสร้างแรงบันดาลใจต่อเยาวชนผ่านสื่อ ถือเป็นช่องทางที่ดีที่สุดที่จะทำให้เยาวชนหันกลับมามองในเรื่องของความมั่นคง ความเป็นทหาร และอยากเข้ามาร่วมงานกับกองทัพอากาศ ซึ่งจุดเริ่มต้นในวันนี้และอาจเป็นจุดที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต ถ้าเยาวชนอยากเป็นทหาร ถือเป็นความเสียสละที่ยิ่งใหญ่ ที่สำคัญเมื่อเข้ามาเป็นทหารแล้วต้องเสียสละชีวิต ปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตย

 

เมื่อถามว่า ภาพยนตร์ “ท็อปกัน มาเวอริค” มีการนำอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย เครื่องบินขับไล่โจมตี F-18 และ F-35 เราจะได้รับประโยชน์อย่างไร / เสนาธิการทหารอากาศ กล่าวว่า เรื่องเทคโนโลยีและอากาศยานสมัยใหม่ เป็นเรื่องที่ต้องตามให้ทัน ไม่งั้นจะเสียเปรียบ หากจะเปรียบเทียบ F-35 จำนวน 1 เครื่อง สามารถต่อกรกับ F-16 จำนวน 3.27 เครื่อง หมายความว่าถ้าในอนาคตเราจะมี F-35 ก็ไม่ได้มาก แต่มีในจำนวนที่เหมาะสมเพื่อมาทดแทนเครื่องบินของกองทัพอากาศที่กำลังจะปลดประจำการ อย่างมีประสิทธิภาพและที่สำคัญที่สุดจะได้เรียนรู้และก้าวทันเทคโนโลยีในอนาคต ไปพร้อมๆกับประเทศชั้นนำ ในเรื่องอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ

“เสธ. ทอ.” นำเยาวชนชมภาพยนตร์ "ท็อปกัน 2"

 

“เสธ. ทอ.” นำเยาวชนชมภาพยนตร์ "ท็อปกัน 2"

“ถือเป็นโอกาสดีของกองทัพอากาศที่จะได้พัฒนาเทคโนโลยี อากาศยาน ซึ่งเราไม่ได้เตรียมอาวุธไว้รบกับใคร แต่สิ่งหนึ่งที่เราจะต้องมีก็คือปกป้องอธิปไตยและต้องมีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเราทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น ว่าการบริหารจัดการงบประมาณที่ได้รับ และความมั่นคงในการรักษาอธิปไตย ให้อยู่ในความเหมาะสมและลงตัวที่สุด กองทัพอากาศจะไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง และให้สัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างประชาชน”

 

ส่วนที่มองว่าการเตรียมรับมือภัยคุกคาม จะตอบโจทย์ต่อการจัดซื้อ F-35 ซึ่งอาจจะดูใหญ่โตเกินไปหรือไม่นั้น มองว่า สงครามที่เกิดขึ้นไม่สามารถคาดการณ์ได้ เรารู้ล่วงหน้าไม่นานว่ารัสเซียจะบุกยูเครน และเกิดความเสียหายมหาศาล ประชาชนอพยพไปประเทศข้างเคียงได้ แต่ของไทยหากมีปัญหา และไม่รู้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นหากมีการอพยพ แล้วจะไปอยู่ที่ไหน ถ้าวันนี้เราไม่เริ่ม ในวันข้างหน้าหากมี ภัยสงครามเกิดขึ้นจะทำอย่างไร ก็จะเป็นตราบาปของกองทัพอากาศที่ไม่คิดวางแผนในการป้องกันประเทศแต่เนิ่นๆ ถือว่าเราทำตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญและจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

 

“เสธ. ทอ.” นำเยาวชนชมภาพยนตร์ "ท็อปกัน 2"

 

ทั้งนี้ กองทัพอากาศทำงานกันหนักมาก เรามองว่าตั้งแต่ปี 2565-2575 เราจะต้องทยอยปลดประจำการเครื่องบินรบที่เก่า เพราะจะมีค่าซ่อมบำรุงที่สูงมาก บางแบบค่าซ่อมบำรุง 3-5 เท่า หรือ 700,000-1,000,000 ต่อ 1 เครื่องบิน แต่ประสิทธิภาพก็เท่าเดิม ดังนั้นหากต้องปลดประจำการเครื่องบินรบออกไป 3 ฝูงบิน เราจะไม่มีโอกาสทดแทน 3 ฝูงบินแน่นอน จึงมาพิจารณาว่าเครื่องบินแบบไหนที่มีความสามารถและมีประสิทธิภาพ  1 ฝูงบิน แต่สามารถทดแทนได้ 3 ฝูงบิน

“เสธ. ทอ.” นำเยาวชนชมภาพยนตร์ "ท็อปกัน 2"

สรุปว่า F-35 ตอบโจทย์ที่สุด ที่สำคัญยังมีเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพอากาศไทยกับกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา ที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งส่วนใหญ่เราใช้อุปกรณ์ทางด้านการบินของสหรัฐฯ จึงสามารถพัฒนาต่อยอดทำให้กองทัพอากาศมีความพร้อมในการป้องกันภัยคุกคามได้ในอนาคต สามารถเอา F-35 มาทดแทนที่จะปลดประจำการได้ทั้งหมด

 

โดยขณะนี้กองทัพอากาศต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ทำทุกอย่างให้เป็นไปตามข้อตกลงและเงื่อนไข แต่เงื่อนไขของการอนุมัติ เป็นเรื่องของทางสหรัฐฯ ไม่สามารถก้าวล่วงได้ แต่ความพร้อมของกองทัพอากาศ ที่จะปฏิบัติภารกิจกับ F-35 มีการเตรียมกำลังพลสถานที่ ถือว่ามีความพร้อมที่สุด

 

เมื่อถามว่า กองทัพอากาศถูกโจมตีว่าซื้อ F-35 มา 2 ลำแต่ไม่มีระบบอาวุธ / เสนาธิการทหารอากาศ กล่าวว่า Tor ค่อนข้างจะเป็นความลับ ซึ่งสเปคจากขั้นต้นที่กำหนดก็คือ ต้องการให้ระบบอาวุธของ F-35 ใช้งานกับระบบอาวุธที่มีอยู่ในปัจจุบันได้ เพราะเราก็มีของทันสมัยอยู่ นอกจากนี้เรายังมีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ ไม่สามารถซื้อเป็นแพ็คเกจใหญ่ได้ ในเบื้องต้นกว่าอากาศยานจะมา กว่าจะฝึก และพร้อมปฏิบัติภารกิจ อีกประมาณ 10 ปี ดังนั้นอาวุธอากาศยานอาจจะมีการพัฒนาไปอีกมหาศาล ทั้งเรื่องของไฮสปีด จรวดมิสไซล์หรือการโจมตีทางอากาศ เรามองว่าระบบอาวุธพัฒนาไปเร็วมาก หากไปกำหนดตอนนี้ อาจจะล้าสมัยและไม่คุ้มค่ากับงบประมาณ จึงมีการระบุว่า F-35 จะต้องใช้งานกับระบบอาวุธของกองทัพอากาศที่มีอยู่ได้

 

"ขอย้ำว่างบประมาณในการจัดซื้อ F-35 ถ้าหากได้ ก็เป็นงบประมาณของกองทัพอากาศ งบประมาณปี 2566   จำนวนกว่า 700 กว่าล้านบาท ในการที่จะเริ่มต้นโครงการ เช่น ปรับปรุงสถานที่ อุปกรณ์สนับสนุนการบิน และอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องบิน ซึ่งอาจจะไม่ต้องจ่ายทั้งลำก็ได้  แต่ถ้าเริ่มต้นช้าก็อาจต้องยืดเวลาออกไป และอาจจะทบทวนโครงการอีก ซึ่งครั้งนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่ ผบ.ทอ. ได้ให้คณะทำงานมาวิเคราะห์ และมีการสัมมนาทางด้านยุทธการ ระดมผู้เชี่ยวชาญของกองทัพอากาศทั้งหมด ด้วยการวิเคราะห์สถานการณ์ทางด้านความมั่นคง และการเมืองทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงในอนาคต สรุปเป็นแนวทาง จึงเกิดโครงการนี้ขึ้นมา ซึ่งหากไม่ผ่านในงบประมาณปี 2566 ก็ต้องยื่นต่อในงบประมาณปี 2567 เพราะเป็นโครงการที่จะมาทดแทนในสิ่งที่เรากำลังจะขาด และวิเคราะห์ว่าจะมีปัญหาในอนาคตแน่นอน ไม่ได้สร้างใหม่ในสิ่งที่เรามีอยู่ให้เกินเลย”

logoline