svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ชำแหละปมป้ายหาเสียง"ชัชชาติ" คะแนนนิยมกับความถูกต้องตามกฎหมาย

30 พฤษภาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"เชาว์ มีขวด" อดีตรองโฆษกปชป. ยกคำวินิจฉัย"ทักษิณ"เทียบเคียง ปมร้องตรวจสอบ"ชัชชาติ"  คะแนนนิยมกับความถูกต้องตามกฎหมาย  ต้องแยกออกจากกัน หลังป้ายหาเสียงหมิ่นเหม่ให้ กกต.อาจแจกใบเหลือง

30 พฤษภาคม 2565 นายเชาว์  มีขวด  อดีตรองโฆษกพรรคปชป.โพสต์ข้อความไว้ดังนี้  กระเป๋าป้ายหาเสียง “ชัชชาติ” กับคะแนนกว่า 1.3 ล้านเสียงของคนกรุง

 

มีสื่อมวลชนโทรศัพท์มาขอสัมภาษณ์ผม ประเด็นกระเป๋าป้ายหาเสียงของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่เพิ่งได้รับเลือกจากคนกรุงเทพฯไปด้วยคะแนนกว่า  1.3 ล้านเสียงเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากผมเคยได้แสดงความเห็นทางกฎหมายต่อสาธารณะไปตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งว่า เรื่องนี้หมิ่นเหม่ที่จะถูก กกต.แจกใบเหลืองได้ เพราะอาจเข้าข่ายเป็นการ จัดทำให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนน  เป็นเหตุให้การเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรมตามมาตรา 108 วรรคสองพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562

 

โดยกกต.เคยมีคำวินิจฉัยเรื่องทำนองเดียวกันนี้มาแล้ว ในเคสของนายชานุวัฒน์ วรามิตร นายกอบจ.กาฬสินธุ์ เนื่องจากผู้ช่วยหาเสียงไปโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถเก็บป้ายหาเสียงของนายชานุวัฒน์ไปใช้ประโยชน์ได้ฟรี โดยขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์

 

หลายคนตำหนินายศรีสุวรรณ จรรยา ที่นำเรื่องป้ายกระเป๋าของนายชัชชาติไปร้องต่อ กกต. พร้อมระบุว่า หาเรื่องไม่เข้าท่า เขาได้คะแนนมากว่า 1.3 ล้านคะแนน จะไปเอาอะไรกับเขาอีก สมมติว่าผิด เลือกตั้งใหม่เขาก็ชนะกลับมาเข้ามาอีกอยู่ดี ส่วนตัวผมไม่เห็นด้วยกับความคิดลักษณะนี้ โดยอยากให้แยกเรื่องนี้ออกเป็นสามประเด็นคือ

ชำแหละปมป้ายหาเสียง"ชัชชาติ" คะแนนนิยมกับความถูกต้องตามกฎหมาย

 

1. นายศรีสุวรรณ มีสิทธิที่จะร้องในเรื่องที่เห็นว่าอาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย ซึ่งกรณีป้ายกระเป๋าหาเสียง ที่สามารถนำกลับไปใช้ได้อีก ไม่ใช่มีแค่ทีมงานของนายชัชชาติเท่านั้นที่จะนำป้ายที่มีแพทเทิร์นกระเป๋านำกลับไปใช้ได้  แต่ประชาชนก็นำกลับไปใช้ได้ด้วย แม้จะมีการมาระบุหลังเลือกตั้งว่าผิดกฎหมายก็ตาม แต่ก่อนหน้านี้ในโพสต์ของนายชัชชาติผ่านทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2565 ข้อความว่า “ทีมงานเพื่อนชัชชาติ ไม่อยากให้ป้ายไวนิลหาเสียงกลายเป็นขยะหลังการเลือกตั้ง เราจึงมีแผนนำกลับมาหมุนเวียน (Recycle) โดยตัดเย็บเป็นกระเป๋าหรือผ้ากันเปื้อน ไว้ใช่ต่อกันเองในทีม ป้ายใหม่ที่กำลังติดตั้งเพิ่มจะมีลาย Pattern ตัดเย็บให้เห็นลาง ๆ ลองตามหากันดูนะครับ” (ตามลิงก์ที่แนบ) . https://mobile.twitter.com/cha.../status/1512422813994713094


คำว่า ป้ายใหม่ที่กำลังติดตั้งเพิ่มจะมีลาย Pattern ตัดเย็บให้เห็นลาง ๆ ลองตามหากันดูนะครับ เป็นการชี้ชวนหรือไม่ กกต.จะต้องพิจารณา เพราะหลังเลือกตั้งจะเห็นภาพคนกรุงเทพฯจำนวนหนึ่งเก็บป้ายหาเสียงนายชัชชาติไปทำกระเป๋ากันอย่างคึกคักเลยทีเดียว

 

2. นายชัชชาติได้คะแนนเสียงจากคนกรุงเทพฯมากกว่า 1.3 ล้านเสียง จะไปหาเรื่องเขาทำไม อันนี้ยิ่งไม่ถูกใหญ่ คะแนนเสียงคือความนิยม ซึ่งต้องแยกจากพฤติกรรม หากมีการทำผิดกฎหมายเกิดขึ้นจริง ไม่ว่าจะมีคะแนนนิยมมากเท่าไหร่ ก็มิอาจลบล้างความผิดนั้นได้ และองค์กรที่มีหน้าที่ชี้ถูกผิด ต้องไม่หวั่นไหวกับสิ่งเหล่านี้ แต่ต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา

ชำแหละปมป้ายหาเสียง"ชัชชาติ" คะแนนนิยมกับความถูกต้องตามกฎหมาย

ผมยกตัวอย่างที่น่าจะทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นคือ ในยุคของนายทักษิณ ชินวัตร ที่เพิ่งได้รับเลือกตั้งเข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศในฐานะนายกรัฐมนตรี หอบเอาคะแนนเสียงกว่า 11 ล้านคะแนนทั่วประเทศมาด้วย ซึ่งในขณะนั้นมีคดีที่ค้างการพิจารณาอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ คือกรณีซุกหุ้นอันลือลั่น พร้อมวลี “บกพร่องโดยสุจริต” ก็มีการนำคะแนนนิยมที่ได้มาสร้างกระแสกดดันศาลรัฐธรรมนูญ สุดท้ายนายทักษิณ รอดพ้นคดีด้วยคะแนนเสียง 8 ต่อ 7 เมื่อวัดนที่ 3 สิงหาคม 2544 โดยมีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางคน ใช้เรื่องคะแนนนิยมดังกล่าวมาเป็นเหตุผลในการตัดสินคดีด้วย


ในที่นี้ผมขออนุญาตหยิบยกคำวินิจฉัยส่วนตนของท่านประเสริฐ นาสกุล อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญผู้ล่วงลับ ท่านให้หลักไว้อย่างดีมากในตอนท้ายของคำวินิจฉัย ความว่า

เชาว์  มีขวด  อดีตรองโฆษกพรรคปชป.

 

“...เมื่อผู้ร้องกล่าวหาผู้ถูกร้องว่า จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ มีข่าวที่ค่อยๆเบี่ยงเบนประเด็นที่ผู้ถูกร้องถูกกล่าวหาทีละน้อย ๆ และเป็นระยะ ๆ ว่า ผู้ถูกร้องประกอบธุรกิจจนร่ำรวยด้วยน้ำพักน้ำแรง ไม่มีการทุจริต ผิดกฎหมาย ผู้ถูกร้องเป็นคนแรกที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินให้ประชาชนทราบ ในขณะที่ยังไม่มีกฎหมายบังคับ ผู้ถูกร้องสมัครใจยื่นรายการทรัพย์ สินและหนี้สินเพิ่มเติมเอง หากศาลเห็นว่า ผู้ถูกร้องกระทำผิดก็เป็นการทำผิดโดยสุจริต ควรใช้หลักรัฐศาสตร์ชะลอการตัดสินคดี หรือยกโทษให้ผู้ถูกร้อง ไม่ควรลงโทษผู้ถูกร้องซึ่งได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน 10 กว่า ล้านคน เพื่อให้โอกาสผู้ถูกร้องบริหารประเทศต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพราะไม่มีใครดีกว่าผู้ถูกร้อง ประเทศไทยขาดผู้ถูกร้องไม่ได้ซึ่งไม่มีบทบัญญัติให้ศาลกระทำได้ และเมื่อใกล้จะถึงวันที่ศาลลงมติ มีข่าวหนาหูขึ้นว่า ฝ่ายผู้สนับสนุนผู้ถูกร้องจะชุมนุมกันเพื่อกดดันศาล จะวางเพลิงเผาศาล ตลอดจนจะทำร้ายตุลาการบางคน จนกระทั่งมีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปให้ความคุ้มครอง ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินไปอย่างน่าเสียดาย เป็นต้น ข่าวต่างๆ ดังที่กล่าวมานี้เกิดขึ้นได้อย่างไร หากมิใช่เป็น การแสดง “ความเห็นแก่ตัว” ของคน”


3. เลือกตั้งใหม่ นายชัชชาติก็กลับมาอยู่ดี จะร้องไปทำไมให้เสียเวลา สิ้นเปลืองงบประมาณด้วยหากจะต้องมีการเลือกตั้งกันใหม่ อันนี้ผมยิ่งไม่เห็นด้วย เพราะสังคมไทยต้องจรรโลงไว้ซึ่งศีลธรรม และกฎหมาย ผิดว่าไปตามผิด ถูกว่าไปตามถูก สังคมจึงจะอยู่ได้อย่างสงบสุข ถ้าเราจะกดจริยธรรม มองข้ามกฎหมายไป เพียงเพราะใครคนหนึ่งได้รับความนิยมจากประชาชน หลักกฎหมายจะค้ำยันบ้านเมืองต่อไปได้อย่างไร และที่กล่าวเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่า ตัดสินไปเองแล้วนายชัชชาติ ผิด เพียงแต่ชี้ว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกติกา คำวินิจฉัยของ กกต.ต้องอธิบายเหตุผลได้ บนหลักกฎหมาย ไม่ใช่เบี่ยงเบนไปเพราะกระแสกดดัน

 

ชำแหละปมป้ายหาเสียง"ชัชชาติ" คะแนนนิยมกับความถูกต้องตามกฎหมาย

logoline