
เกาะติดสถานการณ์ การแพร่ระบาดของ "โรคฝีดาษลิง" หรือ ฝีดาษวานร (Monkeypox) ที่กำลังลุกลามในประเทศแถบยุโรป แม้จะยังไม่ระบาดในประเทศไทย และเป็นแล้วสามารถหายเองได้ แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ควรประมาท
โดยเฉพาะข้อมูลล่าสุดพบว่า "โรคฝีดาษลิง" แพร่ระบาดจากกลุ่มชายรักชาย
.
ผศ.นพ.โอภาส พุทธเจริญ หัวหน้าศูนย์โรคอุบัติใหม่ทางคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย วิเคราะห์ว่า
"โรคฝีดาษลิง มีแนวโน้มเข้ามาระบาดในไทย เนื่องจากมีการเปิดประเทศ ซึ่งนักท่องเที่ยวบางรายเข้ามาในระยะที่เชื้อฟักตัว และมีความเสี่ยงจะนำเชื้อเข้ามาแพร่ระบาดในไทย"
จากข้อมูลในต่างประเทศ มีการยืนยันว่า คนที่มีการปลูกฝี จะสามารถป้องกันโรคนี้ได้ 80 เปอร์เซ็นต์ แต่ภูมิคุ้มกันจะลดลงหลังฉีดวัคซีนแล้วในระยะเวลาหนึ่ง โดยคนที่ฉีดแล้วจะช่วยบรรเทาให้ไม่มีอาการร้ายแรง
แต่สิ่งที่น่าห่วงคือ ไทยยกเลิกการปลูกฝีในเด็กไปนานแล้ว ดังนั้น คนรุ่นใหม่ที่ไม่มีโอกาสในการปลูกฝี มีโอกาสเสี่ยงจะติดจนมีอาการร้ายแรงได้ การจะนำเข้าวัคซีนที่ใช้ในการปลูกฝีแบบเก่ามาใช้ไม่ได้แล้ว เนื่องจากเป็นวัคซีนเชื้อเป็น มีผลข้างเคียงต่อคนที่ฉีดสูง ดังนั้นการป้องกันที่ดีที่สุด ต้องรอการคิดค้นวัคซีนใหม่ ที่เหมาะสมกับเชื้อที่มีการกลายพันธุ์ และเหมาะสมกับมนุษย์มากที่สุด
แม้การป้องกันทำได้ด้วยการกักตัวผู้ป่วยไม่ให้มีการแพร่เชื้อผ่านสารคัดหลั่ง แต่ในหลายกรณีพบว่า ตุ่มที่ขึ้นบนผิวหนังในระยะการฟักตัว จะขึ้นบริเวณอวัยวะเพศภายในร่มผ้า ทำให้สังเกตอาการได้ยาก