โดย นายบุญถาวร ปัญญาสิทธิ์ หรือ ธนพัชญ์ ศิริธาราสินธ์ุ ผู้เชี่ยวชาญประตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประธานที่ปรึกษาฝ่ายกฏหมายพรรคการเมือง ประธานที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายกลุ่ม 16 ส.ส. นำเสนอมุมมองทางข้อกฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณา "คดีแตงโม" จะออกไปในทิศทางใด "เนชั่นออนไลน์" เห็นว่ามีประเด็นที่น่าสนใจจึงขอนำมาเสนอ ดังนี้
ผมขออนุญาตวิเคราะห์ "คดีแตงโม" เพื่อเป็นแนวทางศึกษาปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเพื่อนักเรียนและนักศึกษาและขออนุญาตนำ เรียนว่าไม่ใช่การชี้นำสังคมแต่อย่างใด
เพื่อประโยชน์สาธารณะและเพื่อให้เกิดวิพากษ์วิจารณ์กันเชิงติชมตามหลักการแห่งกฏหมายเพียงเท่านั้น
เนื่องจากเจตนาเป็นเรื่องที่อยู่ภายในจิตใจของผู้กระทำไม่มีใครหยั่งรู้ได้ และในการวินิจฉัยหรือพิสูจน์ว่าผู้กระทำมีเจตนาฆ่า หรือเพียงแต่มีเจตนาทำร้ายเท่านั้น จึงต้องถือหลักว่า
การกระทำที่แสดงออกมาภายนอกเป็นเครื่องชี้ถึงสภาพจิตใจของผู้กระทำหรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ "..กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา.." นั่นเอง
การใช้ “หลักกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา” เพื่อวินิจฉัยหรือพิสูจน์ว่าผู้กระทำมีเจตนาฆ่า หรือเจตนาทำร้ายนั้น ศาลไทยอาศัยข้อพิจารณา
1."อาวุธ"ที่ใช้กระทำ
2."อวัยวะ" ที่ถูกกระทำ
3."ลักษณะของบาดแผล" ที่ถูกกระทำ
4."พฤติการณ์อื่นๆ" พฤติการณ์แห่งคดี
โดยส่วนตัวผมมองว่าคดีดังตามข่าวไม่น่าจะมีเจตนาฆ่าแต่แรกแต่มีการทำร้ายกันเอง
การกระทำคดีน่าจะเริ่มมาจากเจตนาทำร้าย มิได้มีเจตนาฆ่า แต่ผลที่เกิดขึ้นจากการทำร้ายนั้นทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต ****
น่าจะเข้าข่ายในฐานความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 (มิได้มีเจตนา)
"ผู้ใดมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี
ถ้าความผิดนั้นมีลักษณะประการหนึ่งประการใด ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 289 ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงยี่สิบปี"
ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290 มีด+รอยบาดแผลที่เกิดบริเวณจุดสำคัญของบาดแผลตามร่างกาย
การที่ตำรวจตั้งกล่าวหาว่า"คดีแตงโม"เป็นความผิดเกิดจากการประมาทนั้นเป็นเพราะว่าขาดพยานหลักฐานเกี่ยวกับอาวุธที่ใช้กระทำและประกอบลักษณะบาดแผลที่ปรากฏบนร่างแตงโม จุดอวัยวะไม่ใช่จุดสำคัญของร่างกายหากมีเจตนาจะฆ่าแต่แรกจะต้องกระทำในอวัยวะจุดสำคัญเนื่องจากสามารถกระทำกับ"แตงโม" ได้เป็นแน่แท้
** ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย**
มาตรา 291 "ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท"(องค์ประกอบความผิด)
(1) ผู้ใด
(2) กระทำโดยประการใด
(3) เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
(4) โดยประมาท (องค์ประกอบภายใน (ไม่ต้องมีเจตนา))
***กระทำโดยประมาท ได้แก่กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่***
ผลต้องมีความสัมพันธ์กับการกระทำโดยประมาท (ผลโดยตรง) แต่ "คดีแตงโม" หากฟ้องคดีว่าเป็นความผิดประมาทซึ่งมีจุดอ่อนไหวคดีประมาทอยากให้พิจารณาและศึกษาอย่างละเอียดถี่ถ้วนว่า..!
ความผิดฐานประมาทเป็นเรื่องที่ไม่มีเจตนา จึงไม่มีความผิดฐานเป็นตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุน แต่อย่างไร!
ผมดูจากข่าวเห็นอัยการสั่งฟ้องคดีแตงโมกับผู้อยู่ในเหตุการณ์ว่าประมาทเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายนั้น
มันเป็นการกล่าวหาที่ฝ่ายโจทก์เป็นฝ่ายกล่าวอ้างมีภาระหน้าที่นำสืบตามข้อกล่าวว่าผู้กระทำผิด "….กระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่…"
ในทางการนำสืบไม่มีประจักษ์พยานชี้ชัดว่าปราศจากความระมัดระวังของบุคคลในภาวะเช่นจักต้องกระทำและใช้ความระวังเพื่อปกป้อง"แตงโม")
คนที่อยู่ในเหตุการณ์กับ"แตงโม" ย่อมต่อสู้ว่าตนมีหน้าที่ของตนและอยู่ในขณะนั่งกินดื่มไม่มีหน้าที่จะไปดูแลใครเพราะว่าก็อยู่ในอาการสติไม่เต็มร้อยจำเหตุการณ์ไม่ค่อยได้..!
"คดีแตงโม"มุมมองผมในฐานะนักกฎหมายมองว่าคดีประมาทล่อแหลมอย่างมากที่คนที่อยู่ในเหตุการณ์กับแตงโมจะหลุดคดี
สมมุติฐานคนในเหตุการณ์ต่อสู้ว่าไม่ขับเรือเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้และมีคนช่วยขับก็ขับปกติธรรมดาแต่อ้างว่าแตงโมเมาดื่มและไปจะฉี่ก็ตกเรือเองเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากความประมาทแตงโมเองคนในเรือไม่เกี่ยวเพราะว่ากำลังกินดื่มการที่แตงโมตกเรือเป็นผลโดยตรงมาจากความประมาทของีคึตเองที่ไม่ปฏิบัติตนและไม่ระมัดระวังตัวเองและส่วนคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ระมัดระวังเต็มที่แล้วในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และได้ใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นเป็นเพียงพอแก่เหตุผลและพฤติการณ์ที่เกิดขึ้น จำเลยกับพวกจึงไม่เป็นความผิดและ/หรือย่อมไม่มีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
คดีนี้ในมุมมองส่วนตัว หากพิจารณาพยานหลักฐานที่มีอยู่ในสื่อโชเชียลและพฤติการณ์แห่งคดีที่เกิดขึ้นทีมงานแม่แตงโมต้องรอบคอบและรอบด้านในการกล่าวหาอย่าไปมองว่าฟ้องคดี "เจตนาฆ่า"และทางการนำสืบไม่ถึงเจตนาฆ่าแล้วจะเป็น "ประมาท" ต้องไปดูคำพิพากษาศาลฎีกา
สมมติหากผมเป็นที่ปรึกษากฎหมาย"คดีแตงโม" ผมจะพิจารณาและให้ความเห็นว่าการกระทำที่เกิดขึ้นเป็นกรณีเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290 ดังเหตุและอื่นๆที่ปรากฏชัด..!
ผมไม่ได้มีเจตนาไปลบหลู่ดูหมิ่นหรือก้าวก่ายหรือก้าวล่วงอำนาจหน้าที่ของบุคคลใดบุคคลหนึ่งในการทำหน้าที่แต่ออกมาวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อเท็จจริงแห่งคดีตามองค์ความรู้ความสามารถอันน้อยนิดเพื่อเป็นวิทยาทานในเชิงวิชาการด้านกฎหมายเท่านั้นนะครับ
หมายเหตุ : "คดีแตงโม" ผลแห่งคดีจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาพิพากษาของศาลครับ