ร.ต.อ.อภิวุฒิ ลีโพนทอง รอง สว.สอบสวน สภ.หนองหาน ได้รับแจ้งเหตุพ่อยิงลูกชายคลั่งยาบ้าจนเสียชีวิต ที่กระท่อมนาท้ายหมู่บ้าน บ้านดงวังพัง ม.5 ต.สะแบง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี จึงพร้อมด้วย ตำรวจชุดสืบสวน สภ.หนองหาน ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวรโรงพยาบาลหนองหาน และอาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถานจุดบริการหนองหาน รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบศพนายประสิทธิ์ ศิริมา หรือสิทธิ์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 149 ม.5 ต.สะแบง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี เสียชีวิต สภาพนอนคว่ำหน้า สวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนขายาวพับขา สวมรองเท้าผ้าใบสีเทา จากการชันสูตรพบรอยกระสุนที่หน้าท้อง 1 นัด แขนขวา 1 นัด กระสุนทะลุ และไหล่ขวา 1 นัด และกระสุนฝังในอีก ใกล้กันพบปลอกกระสุนขนาด.38 จำนวน 3 ปลอก มีดพร้ายาวประมาณ 50 ซม. และลูกดอกไม้ไผ่ หัวเหล็กปลายแหลม 2 ดอก ตกอยู่ข้างกัน โดยมีนางสร้อย ศิริมา อายุ 60 ปี แม่ผู้ตาย ยืนเฝ้าศพอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ
ส่วนผู้ก่อเหตุคือนายวีระศักดิ์ ศิริมา หรือพล อายุ 64 ปี เป็นพ่อผู้ตาย หลังก่อเหตุได้ถือปืนสั้นขนาด .38 พร้อมกระสุนในลูกโม่ 1 นัด ไปแจ้งนายสุรศักดิ์ อุดมพงษ์ อายุ 53 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บ้านดงวังพัง ว่าก่อเหตุยิงลูกชายเสียชีวิตคากระท่อมนาไม่ได้หลบหนีไปไหน ก่อนที่ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านจะยึดปืนและกระสุนไว้ จากนั้นได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ และได้พานายวีระศักดิ์ ผู้ก่อเหตุมารอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ในที่เกิดเหตุ โดยรับสารภาพว่าที่ลงมือก่อเหตุยิงลูกชาย เพราะต้องป้องกันชีวิตของตัวเองและภรรยา เพราะลูกชายจะเอามีดเข้ามาฟัน เนื่องจากขอเงินไปซื้อยาบ้ามาเสพไม่ได้ ตนจึงใช้ปืนยิงสวนลูกชายเสียชีวิต เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา”
นางสร้อย ศิริมา แม่ผู้ตาย เปิดเผยว่า มีลูก 3 คน คนตายเป็นลูกคนกลาง ไม่มีงานทำ ติดยาเสพติดมานานแล้ว ชอบมาขอเงินพ่อและแม่ไปซื้อยาบ้าเป็นประจำ เมื่อไม่ได้เงินตามที่ต้องการก็จะหาเรื่องทำร้ายร่างกายทั้งพ่อและแม่ จนตนเองและสามีต้องหนีจากบ้านพักในหมู่บ้าน ออกมาอาศัยกระท่อมนาอยู่กันตามลำพัง ปล่อยให้ลูกชายอยู่บ้านคนเดียว ส่วนลูกคนอื่นๆไปทำงานต่างจังหวัดกันหมด หนีออกมาได้ประมาณ 10 ปีแล้ว ซึ่งผู้ตายก็ยังคงตามมาขอเงินและทำร้ายร่างกายเรื่อยมา
“วันนี้ลูกชายมาขอเงิน 2 รอบ ให้ไปครั้งละ 100 บาท จนมาช่วงค่ำตนเองและภรรยากำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่บนกระท่อมนา ลูกชายได้มาขอเงินอีก 100 บาท บอกว่าตอนนี้ไม่มีเงินเหลือสักบาทแล้ว พอลูกชายได้ยินแบบนั้นจึงโมโห มีอาการคลุ้มคลั่งถือมีดจะเข้ามาทำร้าย พร้อมกับตะโกนด่าพ่อและแม่อย่างบ้าคลั่ง บังคับให้พ่อและแม่กราบเท้า ให้หาเงินมาให้จงได้ ตนก็ได้แต่ปรามลูกว่าอย่าให้พ่อกราบเท้าเลยมันจะเป็นบาปติดตัวลูก ใช้เวลาพูดคุยเกลี้ยกล่อมลูกอยู่นานแต่ก็ไม่เป็นผล สามีจึงตัดสินใจคว้าปืนมายิงสวนไป 3 นัด เพื่อป้องกันตัว” นางสร้อย กล่าว
พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.ชวภณ จันทเมนชัย ผกก.สภ.หนองหาน พ.ต.ท.รุ่งศักดิ์ มหาปัญญาวงศ์ รอง ผกก.ป.สภ.หนองหาน พ.ต.ท.ไกรสร พาน้อย รอง ผกก.สส.สภ.หนองหาน พ.ต.ท.สุรศักดิ์ อักษรกลาง รอง ผกก.สอบสวน สภ.หนองหาน และ ร.ต.อ.อภิวุฒิ ลีโพนทอง รอง สว.สอบสวนฯ ร่วมกันสอบปากคำ นายวีระศักดิ์ ศิริมา อายุ 64 ปี ผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิง นายประสิทธิ์ ศิริมา อายุ 40 ปี ลูกชายเสียชีวิต พร้อมของกลางอาวุธปืนพกสั้นแบบลูกโม่ ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก กระสุน 1 นัด ปลอกกระสุน 3 ปลอก หัวกระสุน 2 หัว ที่ใช้ก่อเหตุยิงลูกชายเสียชีวิต ส่วนมีดพร้า 1 เล่ม ลูกดอกหน้าไม้ 2 อัน และไม้ปลายแหลม 5 อัน ที่ผู้ตายถือบุกขึ้นไปบนกระท่อม จึงแจ้งข้อกล่าวหานายวีระศักดิ์ ศิริมา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน” ควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยไม่ได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เนื่องจากเป็นความรุนแรงภายในครอบครัวประกอบกับผู้ต้องหาไม่มีพฤติกรรมหลบหนี หลังเกิดเหตุตำรวจได้ให้ผู้ต้องหาชี้จุดประกอบคำรับสารภาพในเบื้องต้น
พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า จากการสอบสวน นายวีระศักดิ์ สารภาพว่า มีอาชีพทำนาและเลี้ยงวัว อาวุธปืนได้นำวัวที่เลี้ยงไว้ไปแลกเปลี่ยนกับนายฮ้อยที่มาติดต่อขอซื้อวัวในราคา 3,000 บาท เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา เพื่อไว้รักษาทรัพย์สิน และไว้ป้องกันตัว หลังจากลูกชายมีอาการคลุ้มคลั่งชอบทำร้ายร่างกายตนและภรรยามาตลอด จากการที่ลูกชายติดเสพยาบ้ามานานหลายปี และเคยถูกตำรวจควบคุมตัวไปรักษาบำบัดโรงพยาบาลธัญญารักษ์อุดรธานีมาแล้วหลายครั้ง แต่เมื่อกลับออกมาก็หันกลับไปเสพยาบ้าอีก ทำให้มีอาการหนักขึ้นกว่าเดิม เคยทำร้ายร่างกายโดยพยายามหักคอ จนหมอบอกว่ากระดูกต้นคอร้าว แต่ก็ไม่กล้าบอกหมอว่าถูกลูกชายทำร้าย เพราะกลัวลูกชายจะมีความผิดถูกจับดำเนินคดี จึงเก็บความรู้สึกเอาไว้ไม่กล้าบอกใคร
“เมื่อพ่อแม่ไม่มีเงินให้ไปซื้อเหล้าและยาบ้าเสพ จะอาละวาดคลุ้มคลั่งทำร้ายร่างกาย บังคับให้พ่อกราบเท้า ทุกครั้งแจ้งตำรวจมาระงับเหตุควบคุมสติอารมณ์ที่โรงพัก และส่งตัวรักษาบำบัดอาการมาตลอด รู้สึกเสียใจที่จำเป็นต้องป้องกันตัว ใช้อาวุธปืนยิงลูกชายตาย หัวอกผู้เป็นพ่อแม่รักลูกทุกคน หลังพลั้งมือยิงลูกชายตาย เมื่อคืนที่ผ่านก็ร้องให้จนไม่มีน้ำตาจะไหล และยอมรับผิดในสิ่งที่กระทำลงไป หากไม่ตัดสินใจยิงลูก คนที่ตายก็คงเป็นผมและภรรยา และคงจะจุดไฟเผากระท่อมนาที่อาศัยพร้อมกับศพของพ่อแม่เป็นแน่ เพราะเขาเคยขู่ว่าจะทำเอาไว้หลายครั้งแล้ว” นายวีระศักดิ์ กล่าว
ข่าว/ภาพ เศกสันติ กัลยาณวิสุทธิ์ สำนักข่าวเนชั่น จ.อุดรธานี